วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เราได้อะไรจากน้ำท่วม...2011...

กว่า 1 เดือนมาแล้ว ที่ประเทศสารขันธ์ที่รักของพวกเราได้มีโอกาสพบกับบทพิสูจน์อภิมหาอุทกภัย เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า ทั้งคนที่บ้านโดนน้ำท่วมไปและแห้งแล้ว บางคนที่น้ำท่วมและกำลังแช่น้ำอยู่ รอดูว่าน้ำจะแห้งเมื่อไหร่ และพวกที่รอลุ้น ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ว่ากูจะได้เป็นคิวต่อไปมั้ย พวกสุดท้ายก็คือพวกที่ถูกบังคับให้รับผิดชอบร่วมกันโดยอัตโนมัติ ที่อยู่พื้นที่ข้างเคียงที่ไม่มีคิวน้ำท่วมถึง แต่คนกทม.ได้แทรกตัวท่วมเข้าไปถึง


มีเพื่อนๆผู้คนรอบข้าง อยู่ในสถานะอย่างที่ว่ามาทั้งหมดเลย เพื่อนคนหนึ่งมีบ้านอยู่นครสวรรค์ มันมีลูกและภรรยาสุดที่รักอย่างละ 1 คน ให้หอบหิ้วหนีน้ำยามลำเค็ญ ตอนโทร.ไปถามไถ่ครั้งแรกที่สงสัยว่าบ้านมันจะได้รับสิทธิ์พบมวลน้ำมหาศาลเป็นลำดับต้นๆ อยากรู้...มากกว่า...เป็นห่วง มันคงเกรงใจเรา มันบอกว่า มึงโทร.มาตอนเย็นได้มั้ย เออ...ได้ดิ แต่กูแค่อยากจะถามว่ามึงโดนน้ำท่วมมั้ย มันบอกกลับมาทันใด นี่ไง กำลังไหลเข้าบ้านเลย กูกำลังขนของขึ้นข้างบนอยู่เนี่ย เออๆ มึงรีบขนเถอะ กูขอโทษที่โทร.มาไม่รู้เวล่ำเวลา...ไม่รู้กาลเทศะ...


ในขณะที่หนีน้ำ มันพาลูกเมียไปอยู่บ้านญาติที่น้ำไม่ท่วม แต่ลูกอายุ 3 ขวบ ป่วยได้ง่ายๆ ลูกมันไม่สบายแต่ไม่มีโอกาสได้ไปหาหมอ เพราะถนนถูกตัดขาด ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้น้ำแห้งแล้ว กลับมาดูที่บ้านตัวเอง กลายเป็นสีโคลน ไม่ได้มีแต่สี แต่มีโคลนจริงๆ เต็มไปหมด มันบอกตามถนนอยากได้เฟอร์นิเจอร์แบบไหน ให้ไปเลือกเอาได้เลย แต่พอกโคลนแถมมาด้วยนะ ระบุความเป็นเจ้าของไม่ได้แน่ๆ รถมันก็จมน้ำ ค่าซ่อมน่าจะเป็นแสน ซ่อมรถคันแรก...รัฐบาลก็ไม่มีโครงการช่วยเหลือด้วย บ้านก็คงต้องขัดสีฉวีวรรณกันใหม่หมด ข้าวของในห้างก็คงหาซื้อลำบาก สำคัญก็นมลูกนี่แหล่ะ ตอนนี้ต้องไปไหนมาไหนด้วยรถทหาร ฟรีนะ...ดีตรงไหนวะ ราคาที่จ่ายล่วงหน้าไป เทียบกันไม่ได้เลย เหตุการณ์นี้ทำให้มันได้รับบทพิสูจน์เรื่องความเป็นผู้นำในครอบครัว พาลูกเมียเอาตัวรอดได้ดีเมื่อถึงคราวอับจนจำเป็น


เพื่อนที่อยู่อยุธยา ทำงานอยู่บริษัทใหญ่โตในนิคมโรจนะ บางคนอยู่นิคมไฮเทค ตอนนี้ยังไม่รู้
ชะตากรรมว่าเมื่อไหร่น้ำมันละแห้ง ดีทีหาทางหนีทีไล่ ไปซุกตัวอยู่ที่อื่นได้ แต่ก็ยังสับสนกับอนาคตการงาน ยิ่งบริษัทร่วมทุนต่างประเทศ ไอ้ที่เคยคิดว่ามั่นคงถาวร ก็กลายเป็นสั่นคลอนแล้ว ต้องมานั่งลุ้นต่ออีกว่าเค้าจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นมั้ยนะ


ส่วนคนกรุงเทพฯ แค่มีข่าวว่าน้ำจะท่วม ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นก็หายไปหมดห้างแล้ว อะไรตุนได้ก็เอาไปกักตุนกันซะ เรามีพื้นฐานความสุขสบายจนเคยตัว มีน้ำ มีไฟ มีสาธารณูปโภค เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน พอวันหนึ่งเราจะไม่มีมัน ก็เลยเหมือนจะทนไม่ได้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา กลายเป็นว่าคนเดือดร้อนจริงๆ ก็ไม่ต้องกินต้องใช้กัน เราชินที่จะต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ ยามลำบากก็เลยยากที่จะหันมาเห็นอกเห็นใจหรือแบ่งบัน


มีคลิปๆหนึ่งใน youtube ดูแล้วก็น่าสนใจดี เป็นคนไทยชาย-หญิงคู่หนึ่งยืนจองที่จอดรถ มีฝรั่งขับรถมาถึงก่อนแล้วจะจอด เค้าไม่ให้จอด นอกจากไม่ให้จอดแล้ว ยังด่าตะคอกใส่ฝรั่งด้วย ว่านี่คือเมืองไทย ฝรั่งไม่มีสิทธิ์ ไปไหนก็ไปเลย แล้วก็ตะคอกซ้ำๆ เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง น่าอับอายมาก ที่ประเทศเรา the land of smile วันนี้ดูกร่างและไร้มารยาทมาก คิดว่าคุณฝรั่งแกไม่น่าจะฟังออกว่าเค้าด่าอะไรแก เจอมุข...แผ่นดินนี้กูจองเข้า...ไปไม่เป็นเลยทีเดียว...มันก็น่าสงสัยว่าบรรพบุรุษพี่เค้าคงกู้ชาติมาคนเดียว เลยหวงของขนาดนี้ ถ้ากลับไปดูที่บ้านพี่เค้า เครื่องใช้ในบ้านคงจะใช้ของของไทยทั้งหมด วิทยุ ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงข้าว พัดลม ฯ ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังมียี่ห้อธานินทร์อยู่รึเปล่า ความจริงน่าจะได้เห็นด้วยว่าพี่เค้าขับรถยี่ห้ออะไร ใช้มือถือยี่ห้ออะไร ของไทยทั้งหมดมั้ย...


จริงๆแล้ว ถ้าวันนั้น...พี่คนนี้เค้าเลือกที่จะทำอีกแบบหนึ่ง คือยิ้มให้ฝรั่ง แล้วบอกฝรั่งว่าคุณมาก่อน จอดตรงนี้ก็ได้ครับ สิ่งที่ได้รับกลับมามันคงเป็นคำขอบคุณ ความรู้สึกดีๆ และผลพลอยได้อาจเป็นการบอกต่อ ว่าคนไทยมีน้ำใจ น่าคบหาเป็นอย่างยิ่ง มันอาจเป็นการบอกเล่าที่ไม่รู้จบ คนหนึ่งคนรู้จักคนตั้งเท่าไหร่ ถ้าใครต่อใครพากันพูดถึงประเทศเราในทางที่ดี มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ส่วนพี่ไทยคนนี้...เค้าก็น่าจะอิ่มเอมใจ เดินยิ้มออกไปหาที่จอดรถใหม่ได้ แค่นั้นเอง ถึงแม้ไม่มีใครถ่ายคลิปมาอวดความดีความชอบของพี่ แต่คนทำความดี ยังไงมันก็รู้ตัวเองวันยังค่ำนั่นแหล่ะ แต่สิ่งที่พี่เลือกที่จะทำในวันนั้น มันคือทางสายลบ อาจลืมคิด หรือนี่แหล่ะผ่านการคิดมาแล้ว ทำให้ผู้คนได้เห็นและมีโอกาสได้ร่วมประณามความเป็นเค้า ซึ่งไม่อยากจะคิดเลยว่า...นี่คือความเป็นไทยหรือ...


กลับมาที่เรื่องน้ำท่วม คนที่ตุนอาหารไว้เนี่ย พอถึงตาตัวเอง ปรากฎว่าไม่ได้ใช้หรอก เพราะบางพื้นที่ ไฟฟ้าถูกตัด อยู่ไม่ได้ ยังไงก็ต้องอพยพออก แล้วใครมันจะแบกเสบียงที่ตัวเองตุนไว้ออกมา แค่เอาตัวรอดก็ลำบากแล้ว ถึงวันนี้ผ่านไปเป็นเดือน มาม่า ปลากระป๋อง น้ำดื่ม ไข่ ก็ยังเป็นของหายากอยู่ แม้ในจังหวัดข้างเคียง ที่คนกรุงเทพหนีไปอาศัยอยู่ เพื่อนๆน้องๆที่อยู่ชลบุรี เพชรบุรีเล่าว่า หอพัก อพาร์ตเม้นท์เต็มหมด ห้างก็คนเยอะมาก รถก็ติด ไปไหนก็เจอแต่รถทะเบียนกรุงเทพฯ และเหมือนเคย ยังคงความแย่งกันกินแย่งกันใช้ต่อไป และยังมีคนที่ยืนจองที่จอดรถให้เห็นได้อีกด้วย คงจะเป็นญาติๆกัน...


ว่าที่จริงแล้ว การที่น้ำท่วม มันก็มีอีกมุมหนึ่งนะ เป็นมุมดีๆ กับผู้คนอีกกลุ่มที่ร่วมทำงานจิตอาสา ช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบากกว่า ได้เห็นดอกไม้งามยามน้ำท่วม บางคนที่โดนน้ำท่วมเหมือนกัน แต่กูยังไปช่วยคนอื่นได้ อย่างโรงงานชาของคุณตัน ทำเอาเราคิดจะกินชาของเค้าไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว คนอย่างงี้ขายอะไร ถ้ามีปัญญาก็จะตามไปซื้อ ถือว่าใจใหญ่มาก บางคนยังมาว่าเค้า 'เอาหน้า' อีก...เฮ้อ...คนที่เค้าทำบุญจากใจจริง หากเค้าจะได้ 'หน้า' เป็นผลพลอยได้บ้าง มันจะเป็นไรไป


ในใจหวังอยากให้คนดีๆ ท่วมเมืองมากกว่านะ ถ้าคนดีท่วมเมือง อย่าว่าแต่น้ำท่วมเลย มากกว่านี้ก็ยังไหว ครั้งนี้อุตส่าห์มีวิกฤติมาให้เราได้แสดงตัวแล้ว น่าจะลองพิสูจน์ ทำให้รู้ว่า สามัคคีคือพลังมันมีจริง ถ้าความคิดเห็นแก่ตัวมันเป็นแค่ของคนรุ่นเก่าคงจะดี เพราะถ้าเราปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่ๆ ให้ดีได้ทั้งหมด เมื่อคนรุ่นเก่าหายไป จะมีแต่สิ่งดีที่ถูกส่งถ่าย ปลูกฝังให้คนรุ่นต่อไป เราก็จะได้สังคมที่สงบสุข อยู่เย็น...มั้ยฮึ...


ถ้าหากมีโอกาส ลองหันกลับมามองที่ครอบครัวเรานะ ว่าเราสอนลูกหลานให้รู้จัก 'แบ่งปัน' หรือ 'แย่งชิง'...


It's me!
คนที่กำลังลุ้นอยู่ว่า น้ำจะมามั้ย...และหาไข่ใน Lotus ไม่เจอ...


1 ความคิดเห็น:

  1. เพิ่งได้มาอ่าน หลังจากที่กลายเป็นผู้ประสบภัยและน้องน้ำก็ลุกลามเข้ามาถึงเมืองกรุง วิ่งเข้าชั้นในอย่างรวดเร็ว
    วิกฤตครั้งนี้นอกจากจะมีเรื่องดีๆ ก็ยังไม่วายมีเรื่องร้ายๆจนได้ โโนกันขนาดนี้ ยังไม่สามัคคีกันอีก มีทั้งโจร มีทั้งขูดรีดค่าเรือ หลอกให้บริจาคเงิน แม่งทำไปได้
    แล้วประเทศจะรอดมั้ยวะ
    อย่างที่มึงว่า อยากให้มีคนดีท่วมเมือง ก็หวังว่าอย่างน้อย ขอให้มีมากกว่าคนไม่ดี บ้านเมืองจะรอดถึงลูกหลานและจะได้มีไข่กิน ^_^

    ตอบลบ