วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555
เรื่องเศร้าของเพื่อนรัก...
วันนี้ขอเขียนถึงเรื่องของเพื่อนรักคนใหม่ซะหน่อย คนที่เราตัดสินใจมาพักใหญ่แล้วว่าจะให้มันเป็นเพื่อนรักเราเพิ่มอีก 1 คน ส่วนมันจะตัดสินใจว่าเราจะได้เป็นเพื่อนรักมันเหมือนกันมั้ย ต้องให้มันโตขึ้นมาบอกด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้มันเพิ่งอายุ 1 ขวบ 8 เดือน ยังพูดมั่วๆ ใช้ภาษาต่างดาว สื่อสารกับชาวบ้านไม่รู้เรื่องอยู่ เลยต้องปล่อยให้อยู่ในภาวะตัดสินใจไป
เพื่อนตัวน้อยต่างวัยคนนี้ชื่อ พัตเตอร์ พ่อแม่มันเป็นเพื่อนที่ภาควิชา สมัยเรียนมหาลัย และแต่งงานกันเอง เข้าข่าย ‘ใกล้เกลือกินเกลือ’ ตอนที่มันยังไม่มีลูก เราก็ยังไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่ แต่พอมีลูกออกมา ชีวิตมันก็ค่อยๆโคจรเข้าหาเราได้อย่างสบายๆ พัตเตอร์เป็นเด็กฮาๆ ขนาดร้องไห้ก็ยังฮา เป็นสิ่งมีชีวิตขี้อวด จะอวดทุกอย่างที่ทำได้อย่างออกนอกหน้า อารมณ์ดี หัวเราะยิงฟันเหมือนเมากัญชาในเวลาส่วนใหญ่ที่เจอกัน คลั่งไคล้การวิ่งไปทั่วๆบ้าน อย่างกับที่บ้านมีเนื้อที่ 3 เอเคอร์ จริงๆแล้วเปล่าเลย มันก็วิ่งวนไปวนมารอบเปลตัวเอง ผมนิ่มๆก็จะปลิวตั้งๆไป หัวเราะร่าไปเรื่อยๆ ให้เราวิ่งตาม มันวิ่งนำ มันเหนื่อยมั้ยไม่รู้ แต่เราวิ่งตามโคตรเหนื่อยเลย หยุดก็ไม่ได้ เด็กมันจะทำสายตาเว้าวอนชวนให้เรามาเล่นด้วยอย่างต่อเนื่อง ออก Start แล้ว Non stop จะมาหยุดเล่นทำร้ายจิตใจเด็ก 1 ขวบก็ทำไม่ลง
ที่จริงเคยเขียนถึงอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ได้เอามาลงไว้ เมื่อวานมีโอกาสได้ไปเจอ และพบว่าครั้งนี้เป็นการเจอที่แสนเศร้า สงสารมัน ถ้าเป็นพ่อมันเจ็บ เราคงไม่สงสารขนาดนี้ เลยจะขอถ่ายทอดความเจ็บปวดของเพื่อนตัวกะเปี๊ยกให้อ่านนะ
เราซื้อตุ๊กตาหมาตัวน้อยราคาโคตรถูกมาหลายอาทิตย์แล้ว อยากจะเอาไปให้ พ่อแม่มันก็มัวแต่พาลูกชายตัวเล็กไปเดินสายหาลำไพ่ตามที่ต่างๆ ไม่ว่างซักกะที เมื่อวานตอนเช้า ได้โอกาสเราว่างด้วย ก็เลยโทร.ไปหาพ่อมัน
“ฮัลโหล...วันนี้ลูกชายมึงว่างมั้ย อยู่บ้านกันรึเปล่า” เนื่องจากไม่สามารถคุยกับเจ้าตัวโดยตรงได้ เลยต้องคุยผ่านผู้จัดการส่วนตัว เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องของพ่อแม่มันที่เป็นเพื่อนเก่าซักเท่าไหร่ สนใจแต่ไอ้ตัวน้อยเพื่อนใหม่เรามากกว่า
“ว่างอะไรล่ะ เนี่ยอยู่โรงพยาบาลกัน พัตเตอร์ผ่าตัด” เราตกกะใจไปหนึ่งสะดุ้งโหยง เพราะงงๆว่า หลานตัวน้อยซึ่งเรายกให้เป็นเพื่อนรัก ป่วยไข้เป็นอะไร ทำไมถึงกับต้องผ่าตัด มันก็เป็นเด็กอารมณ์ดี ฉาย EQ เยอะผิดปกติดีนี่หว่า ไถ่ถามได้ความมาว่า
“พัตเตอร์ฉี่ไม่ค่อยออกน่ะมึง คือฉี่ได้ แต่ปลายจู๋จะบวม หมอบอกให้ขลิบออก” นี่คือการให้ปากคำของพ่อมัน
เราก็ได้แต่อึ้งๆไป ใจหนึ่งก็สงสารมากๆ ที่อายุเท่านี้ ต้องมาเจอปัญหาใหญ่รุกรานซะแล้ว อีกใจหนึ่งก็เป็นจิตมาร แอบขำหลาน ที่มันเลือกเป็นอะไรได้ไม่เหมือนใครดีแท้ แต่ก็ยังดีที่สิ่งที่เป็นก็ไม่ได้อันตรายอะไร หมอเอาอยู่แน่นอน โรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลอะไร
“เออ...แล้วกูไปเยี่ยมหลานได้มั้ยมึง”
“เออๆ...มาดิ มาได้ นี่ก็เพิ่งเข้าห้องผ่าตัดไปตะกี๊นี่เอง” เข้าห้องผ่าตัดโดยที่มีตัวแม่เข้าไปเป็นเพื่อน พ่อก็เต้นฟุตเวิร์ครออยู่ข้างนอกไป
เราก็ทำนู่นนี่นั่น เอ้อระเหยอยู่ห้องอีกพักหนึ่งแล้วก็หนีบตุ๊กตาหมาใส่ง่ามแขนเดินออกมา ไปถึงโรงพยาบาล โทร.ถามเพื่อนเรา ว่าอยู่ตึกไหนห้องไหน มันบอกว่าลูกเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาพอดีเลย เราก็เลยขึ้นไปหา เพื่อนบอกว่า สงสัยพัตเตอร์จะมีกระแสจิตส่งหาเรา เวลาไม่สบาย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่โทร.มา แล้วเจอว่าไม่สบายอยู่ คือปกติก็ไม่ค่อยได้โทร.หาบ่อยๆหรอก เพราะต่างก็ไม่ค่อยว่าง เอาเวลาไปไร้สาระอย่างอื่นหมด
พอเราเดินเข้าไปในห้อง ก็เจอตัวแพ่อและตัวแม่นั่งอยู่ พยาบาลกำลังทำอะไรซักอย่างกับไอ้ตัวน้อย ตอนนี้พัตเตอร์มันไม่สนใจอะไรแล้ว คงเพราะเจ็บมาก เลยทำได้อย่างเดียวคือร้องไห้ เห็นแล้วน่าสงสารจริงจัง เพราะปกติเป็นเด็กอารมณ์ดี หัวเราะเริงร่า ร้องไห้ตามวาระวันละนิด ให้จิตแจ่มใสเท่านั้น ตอนนี้พ่อหนุ่มน้อยของเรา ร้องกระจุยกระจาย ร้องไม่หยุด ถึงเหนื่อยก็แหกปากส่งเสียงฮือๆ ไว้ก็ยังดี น้ำตาเด็กเวลาไหล มันจะจะผุดเป็นเม็ดใหญ่ๆ ออกมาจากกลางเปลือกตาล่าง เราว่า มันเป็นตำแหน่งที่เห็นแล้วทำให้เด็กน่าสงสารมากขึ้น
เรื่องที่เราจะเล่าถึง โปรดอย่ามองเป็นเรื่องลามกอนาจารย์ มันคือความทุกข์ของเด็กน้อยคนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวมั้ยด้วย พ่อมันเล่าว่า พัตเตอร์มีปัญหาเรื่องฉี่ เพราะฉี่แล้วปลายจู๋จะตุงบวมๆ เหมือนมันมีเปลือกที่ใหญ่กว่า เป็นถุงอุ้มไว้ ฉี่มันเลยไปอั้นอยู่ตรงนั้นทำให้บวม หมอแนะนำให้ตัดถุงหรือหนังหุ้มที่ว่านี้ออก ก่อนที่อนาคตมันจะอักเสบจะลำบากกว่านี้ ตัวพ่อมันบอกว่า
“ถ้าเป็นการตัดสินใจให้ตัวเอง มันก็น่าจะไม่ยากเท่าไหร่ นี่กูต้องตัดสินใจแทนลูก กูก็ไม่รู้ว่าลูกกูอยากขลิบมั้ย ถ้ามันไม่อยาก แล้วโตขึ้นมาแล้วมาว่ากู กูจะทำยังไง” ได้แต่หวังว่าเมื่อเติบโตขึ้น ลูกจะให้อภัยตัวพ่อมัน
ก็เลยกลายเป็นว่า ตอนนี้พัตเตอร์เจอการสุหนัดชายเดี่ยวเข้าไป ทำให้มีปลายจู๋อันกระจิ๋ว ที่เหมือนโดนปอกเปลือกออกไปเกือบ 1 เซนติเมตร และไม่รู้ตัว คงรู้แต่ว่าเจ็บ ยังไม่มีความสามารถในการแยกแยะความแตกต่างแต่อย่างใด เมื่อเติบโตขึ้นก็คงต้องเป็นหน้าที่ของพ่อแม่มันที่จะทำการอธิบายให้ลูกเข้าใจได้ว่า มันเป็นธรรมชาตินะลูก อย่าได้เสียใจ และหมอบอกว่า ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ด้วยความกังวลของตัวแม่ ที่กลัวว่าลูกชายโตขึ้น แล้วจะมีปัญหาอื่นๆตามมามั้ย เอาความกะล่อนเป็นยันต์คุ้มครองตัวเองแล้วกันนะลูก
เราเอาตุ๊กตาหมาไปให้พัตเตอร์ พัตเตอร์ก็ปัดออก และกรีดร้อง ยื่นหน้าไปเล่นด้วยก็หันหนี ถ้าพูดได้คงตะโกนใส่หน้าว่า ‘Leave me alone!…ขออยู่เงียบๆคนเดียวก่อนได้มั้ย จะมาเซ้าซี้จะเล่นไม่รู้เวล่ำเวลาอะไรกันตอนนี้ คนมันเจ็บ ไม่เห็นรึไงฟะ’ ไม่ให้แม่วางลงพื้นด้วย ต้องอุ้มตลอด เวลาขยับจะร้องไห้เป็นพิเศษ สงสัยคงจะโดนแผลเข้า ตาแป๋วๆตอนนี้มีแต่น้ำตากลบตาเต็มไปหมด คงร้องจนเหนื่อยไปหมดแล้ว แต่ดีตรงที่ตัวแม่ล่อให้ลูกดูดนมไปได้เกือบหมดขวด จะได้มีแรงร้องต่อเนื่อง
ขนาดมีกำลังใจเต็มไปหมด มีคุณยายจริงๆ คุณยายพี่เลี้ยง น้า ตัวแม่ ตัวพ่อ และเรานั่งล้อมอยู่ ก็ไม่ได้ส่งผลทำให้ไอ้ตัวน้อยหายเจ็บได้เลย พยายามหาอะไรต่อมิอะไรมาหลอกล่อ มันเผลอนิ่งดูได้พักหนึ่ง พอนึกได้ว่ากูเจ็บอยู่ มันก็ร้องใหม่อีก ยายบอกว่าชอบฟังเพลงที่เป็นเสียงเรียกเข้าของมือถือยาย เมื่อเป็นเสียงเรียกเข้า ก็ต้องโทร.เข้า เพราะเวลานั้นก็ไม่รู้จะไปนั่งหายังไง ว่าเพลงนี้มันอยู่ตรงไหนในเครื่องแก จะเปิดตรงๆก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ทำก็คือ โทร.เข้าไปไม่ยั้ง ให้เสียงมันดัง และไม่ต้องรับ เป็นเพลงอะไรก็ไม่รู้ น่าจะมาจากซีรี่ย์เกาหลีอะไรซักอย่าง เป็นเพลงกึ่งๆช้า แต่ก็เพราะดี พัตเตอร์นั่งจ้องตาแป๋ว ตากลมๆแบ๊วๆ แบบไม่ต้องแกล้งทำ มีกระดิกขานิดๆด้วย นั่งจ้องอะไร จะไม่ค่อยกระพริบตา หัวเหลี่ยมๆ หูกาง จมูกไม่มีดั้ง หน้าตาตลกแต่น่ารักมาก แต่ตอนนี้เห็นมันร้องไห้เยอะไปหน่อย เลยตลกไม่ค่อยออกแล้ว
พัตเตอร์นิ่งเงียบฟังเพลงไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเอนหัวลงนอนได้ โชคดีที่ที่นอนวางกับพื้น ก็เลยนั่งเล่นด้วยง่ายๆ พ่อมันพยายามเปิดหมีพูห์ใน Youtube จาก iPhone ให้ดู แต่ Internet ก็ช้า ไม่มีเก็บเพลงเก็บวิดีโอการ์ตูนอะไรไว้ในเครื่องเลย พัตเตอร์ก็เลยต้องฟังทุกอย่างแบบสะดุดๆ คุณยายพี่เลี้ยงเอาเมนูอาหารที่เป็นกระดาษแข็งๆ มาพัดแข่งกับไอแอร์ให้ เพื่อให้ตามันปรือยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็หลับไป
ก็นั่งคุยกันแบบกระซิบกระซาบ ส่งเสียงไม่ได้เพราะกลัวไอ้ตัวน้อยตื่น รู้สึกจั๊กจี๋ตัวเองมาก พ่อมันก็อธิบายให้ฟังเรื่องจู๋ลูกนี่แหล่ะ แล้วสุดท้ายพวกเราก็ไปคุยกันนอกห้อง กลับเข้ามาอีกที เห็นไอ้ตัวแสบตื่นแล้ว ไม่ร้องไห้ แต่นั่งกินข้าวตาแป๋ว มีคุณยายพี่เลี้ยงคอยป้อนข้าวต้ม 1 คำ แม่ก็จะบิขนมปังหวานๆแบบคล้ายๆแคร้กเก้อร์ให้กินอีกคำ ต้องกินข้าวคำ ขนมคำไปเรื่อยๆ ลืมบอกว่าที่มือก็มีเข็มและสายน้ำเกลือ แต่ไม่ต้องใส่น้ำเกลือแล้ว มีแต่เข็มสียบแขนและสายพันๆกันอยู่ และแปะสก็อตเทปไว้ คงรำคาญน่าดู เพราะเห็นใช้นิ้วมือป้อมๆนั่นแหล่ะ เขี่ยสายไปมา แต่มือโดนเทปพัน ก็เลยกระดุกกระดิกมากไม่ได้ ในสายใสๆก็คือเลือดที่มันปนๆน้ำเกลือออกมานะ เป็นสีแดงจางๆ พัตเตอร์ไม่เข้าใจ เหลือบมามองงงๆอยู่บ่อยๆ
เป็นเด็กกินเก่งใช้ได้ ขนาดไม่สบายยังกินตั้งเยอะ ครอบครัวเค้าบอกว่า ที่กินเยอะนี่คืออยากกินขนม เริ่มชอบกินขนมกรอบๆ หวานๆล่ะมั้ง ต้องเอามาล่อให้กินข้าวไปด้วย นั่งกินตาแป๋วเลย พอกินข้าวเสร็จถ้าแม่ยังไม่ป้อนขนม จะเอานิ้วมาชี้ ทำหน้าอ้อนๆ จะกินอีก กินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง อยู่ๆก็ร้องแหกปากร้องจ๊ากขึ้นมา ผู้ใหญ่อยู่กันเต็ม อึ้งกันทุกคน คือไอ้ตัวน้อยมันฉี่ แล้วฉี่ก็โดนแผลตัวเองไง ฉี่ก็เค็มๆ แล้วฉี่รดแผลตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ยังยอมรับว่าเจ็บเลย นี่เด็กตัวเล็กนิดเดียว ไม่รู้จะปลอบมันยังไง บอกไปว่า “อดทนนะลูก อดทนนะค้าบ เดี๋ยวก็หาย” เด็กมันจะเข้าใจมั้ยนั่น อะไรของมึงวะ อดทนเนี่ย ไม่ใช่ลูกตัวเองยังสะเทือน พ่อแม่มันนี่คงจะเหมือนโดนฉี่รดหัวใจสดๆไปแล้ว
จับยืนก็ร้องได้อยู่ ไม่แปลกก็คนมันแสบแผล ตัวแม่เอาทิชชู่ซับไปที่แผล เห็นได้ชัดว่า ยืนขาเกร็งแหกปากร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูกเลย พยาบาลมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ แม่มันก็เปลี่ยนชุดให้ลูก หลังร้องไห้ชุดใหญ่ไปได้พักหนึ่งก็หยุด เพราะว่า...เพราะว่าทอมแอนด์เจอรี่ในทีวีมา มาช่วยชีวิตทุกคนไว้ด้วย สมาธิเริ่มเปลี่ยน เริ่มนั่งลงดูทอมและเจอรี่ตาไม่กระพริบ ถ้าเราประมวลผลไม่ผิด เราว่าเด็กมันเข้าใจแน่ๆ ไอ้การ์ตูนภาพๆแบบนี้ จ้องตาใสปิ๊งเลย แล้วก็เริ่มนอนดู แล้วอารมณ์ก็เริ่มดี เริ่มชี้จะเอาหมาที่เราเอามาฝาก มันจำได้จริงๆเหรอวะเนี่ย เราบอกว่า “เอาไว้กอดนะเพื่อนรัก” มันก็จับหัวหมานุ่มๆไปกอด เด็กหนอเด็ก...
มีการชี้ได้ถูกเมื่อบอกให้ชี้คนนั้นคนนี้ พอตัวเองชี้ถูกแล้วก็ต้องตบมือให้ตัวเองด้วย เพื่อเป็นใบประกาศรับรองความเก่งกล้าการท้าสมอง ประลองความจำ พอคนอื่นตบมือให้ก็จะยิ้มยิงฟันเขิน ยอมรับด้วยความยินดี ตอนนี้ยังพูดชื่อใครไม่ได้ นอกจากเรียก “แม่” “ปาป๊า” และ “หึ” แล้วส่ายหัว เวลาถามว่าจะเอาอันนั้นมั้ยอันนี้มั้ยแล้วไม่อยากได้ ก็จะส่ายหัวบอกว่า “หึ” แต่ว่าคำแรกที่เด็กคนนี้มันพูดได้คือ “แอร์” นะ น่าจะตอนขวบนิดๆ นึกว่ามันฟลุ้ค แต่มันพยายามยืนยันให้เห็นด้วยตัวเอง ด้วยการเอามือชี้แล้วบอกเราซ้ำๆ เจ๋งว่ะ...มันรู้และแยกแยะออกได้ไงวะ...เป็นเรื่องธรรมดาที่มหัศจรรย์ดีแท้...ตอนนี้เท่าที่เห็น น่าจะฟังเราพูดรู้เรื่องแล้ว แต่ว่าตัวเองยังพูดออกมาไม่ได้เฉยๆ นึกถึงสถานการณ์ที่เราพูดภาษาอังกฤษไม่ออก มันเป็นอย่างงี้แหงๆเลย
เราเห็นพัตเตอร์อารมณ์ดีแล้ว เลยส่งเสียงดังบอกมันว่า
“อดทนเข้มแข็งไว้นะเพื่อนรัก มา Give me five กันหน่อย”
เรายื่นมือแบห้านิ้วออกไปตั้งไว้ ไอ้ตัวแสบเอามือเล็กๆของตัวเองยื่นมาแปะ แถมยิ้มยิงฟันให้เราอีกต่างหาก นี่ไง...เหตุผลที่เราอยากให้มันมาเป็นเพื่อนรักคนใหม่ ขนาดมันเจ็บๆอยู่นะเนี่ย
มันทำท่าเอามือหมุนๆเหมือนรำวง แล้วพูดอะไรงุงิๆ เรางงๆตามเด็กไม่ทัน พ่อมันบอกว่า นี่คือท่า Swim คือการว่ายน้ำนั่นเอง เราหัวเราะบอกว่า “ขืนว่ายอย่างงี้นะ เห็นลูกเป็ดในการ์ตูนตะกี๊มั้ย มีหวังไปไม่ถึงไหนก็ซี้แหงแก๋แน่ลูก” เด็กไม่เข้าใจไม่เป็นไร เราจะแซว เพื่อเป็นการฝึกพัฒนาการให้เด็กรู้จักคิด และประมวลสถานการณ์...(ความจริงมันก็ไม่ควรทำในขณะที่มีบาดแผลอย่างงี้หรอก)
เรารีบจากออกมาในขณะที่หลานอารมณ์ดีอยู่ บ๊ายบายกัน แล้วไอ้ตัวเล็กก็ไหว้สวัสดีเราด้วย มันเป็นเด็กเจ๋งจริงๆนะ หวังว่าโตขึ้น เรื่องนี้คงไม่ทำให้เด็กชายพัตเตอร์รู้สึกแย่อะไร และก็ขอโทษด้วยที่ถึงจะยกให้เป็นเพื่อนรักยังไง แต่ด้วยระบบการนับอาวุโสของประเทศเรา ยังไงเอ็งก็ต้องเรียกป้าว่า “ป้า” อยู่ดี...
แต่ไม่ว่ายังไงก็หายเร็วๆนะไอ้เพื่อนรักตัวเล็กของข้าพเจ้า...
It’s me…Kaka for children…
23 เมษายน 2555
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น