หนูไม่ได้เขียนหาเจ๊มาเกือบ 3 อาทิตย์ รู้สึกจิตมันจะขาดรอนๆ สงสัยหนูคงเสพติดเจ๊เข้าไปแล้วล่ะค่ะ ไม่คิดเหมือนกันว่าคนเราจะรักใครที่ไม่ใช่ครอบครัวได้ขนาดนี้ มันเป็นความปลาบปลื้มน่ะค่ะ ก็เจ๊น่ะน่ารักขึ้นทุกวัน ทำอะไรก็ชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้นทุกที มันเหมือนเวลาที่หนูไปชะเง้อคอดูพระอาทิตย์ขึ้นนะคะ ตอนแรกก็มีหมอกหนาๆ แต่แล้วเจ๊ก็เหมือนพระอาทิตย์ที่เอาชนะเมฆหมอก ค่อยแพลมๆ โผล่ขึ้นมา แล้วก็ค่อยๆ ปรากฏชัดแก่สายตา ในที่สุดก็สว่างจ้า ร้อนแรงแผดเผา หนูล่ะไม่อยากให้เจ๊ลับขอบฟ้าไปเลยนะคะ เพราะเดี๋ยวตำบลเราจะเจอกับความมืด หนูกัวอ่ะ...
ที่หนูหายหน้าไปหลายอาทิตย์น่ะเหรอคะ อ๋อ..พอดีมันยุ่งๆน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยได้นั่งเฝ้าเจ๊เลย อ๊ะ...แต่ถึงไม่ได้เฝ้า ก็ยังคิดถึงกันน้า จันทร์เราไม่เคยห่างไกล...ใจเราไม่เคยห่างกันอยู่แล้น แต่หนูก็แอบเห็นเจ๊แว้บๆ แหล่ะ ก็ตอนวันเด็กไงคะ ย้าก..อยากเขียนถึง แต่มันก็ไม่ว่าง ช้าหน่อยก็ไม่ว่ากันหรอกเนาะเจ๊เนาะ...
วันนี้ก็ถึงคราวที่หนูอดรนทนรอคอยต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ต้องมานั่งพรมนิ้วหาเจ๊แล้วล่ะ เออใช่...เกือบลืมค่ะ ไอ้จดหมายที่หนูเขียนหาเจ๊ฉบับก่อนๆนี่ มีบุคคลภายนอกเค้าได้อ่านด้วยนะคะ ไม่รู้หลุดไปได้ไง ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีเสียงตอบรับจากแฟนๆเยอะแยะเลยค่ะ คือทุกคนเค้าก็ฝากเชียร์เจ๊มาทั้งนั้น หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะทำให้มันเป็นความลับได้ยังไง คงต้องกลายเป็นจดหมายเปิดผนึกไปเรื่อยๆแล้วล่ะค่ะ ก็คนรักเจ๊มันเยอะอ่ะเนาะ แล้วความลับมันก็ไม่มีในโลกซะด้วย แหมๆ...เจ๊ยิ้มแฉ่ง...น่ารักจริงๆเลย...
วันเด็กที่ผ่านมา ยังไม่ได้เทิดทูนความสุโค่ยของเจ๊เลยค่ะ ก็คำขวัญวันเด็กที่เจ๊มอบให้เด็กๆในตำบลของเรายังไงล่ะคะ เห็นเด็กเฮลั่น ดีใจกันยกใหญ่ เจ๊เหมือนฮาโตริเลย เป็นนินจาขวัญใจเด็กด้วย ใครน้ามาเดี่ยวไมโครโฟนล้อเลียนว่า เด็กๆ ไม่เคยจำคำขวัญวันเด็กได้ซักปี และไม่มีใครได้ดีเพราะคำขวัญวันเด็กร้อก มีหวังมันหน้าแหกแสกโค้งแหงๆ คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะมันเนอะ หึหึหึ...
ปีนี้แหล่ะ...เดี๊ยะคอยดู เด็กๆ จำกันจนวันตายแน่ ก็เจ๊น่ะนะ เป็นนายกอบต. (หนูต้องท่องไว้ว่าเป็น อบต.ๆ นะคะ กลัวเผลอหลุดน่ะค่ะ...เพราะในใจอยากให้เจ๊เป็นนายกโลกไปเลย) เจ๊เป็นนายกอบต.คนแรก ที่บอกเด็กๆว่าให้ ‘ใส่ใจเทคโนโลยี’ ซึ่งไม่เคยมีนายกอบต.คนไหน ให้คำขวัญโดยมีสิ่งนี้เข้ามาเกี่ยวข้องมาก่อน ก็บอกแล้วว่าเจ๊น่ะ ‘ชัดเจน’ ความชัดเจนของเจ๊ มันทำให้เจ๊เรืองแสงขึ้นทู้กวันทุกวัน หนูล่ะปลื้มใจแทน
การใส่ใจเทคโนโลยี เริ่มได้ตั้งแต่เด็ก เรียนรู้ ฝึกฝน และปฏิบัติ มันก็แน่อยู่แล้วเนาะ แต่ที่ขาดไม่ได้ น่านไง...อุปกรณ์...ถูกค่ะ...จะเรียนรู้ได้ก็ต้องใช้อุปกรณ์เนาะ เจ๊ก็ปูทางไว้อยู่แล้วเรื่องแจกแท็ปเลต แจกคอมพิวเตอร์...แจกง่ายอย่างกับแจกยาเม็ดกันไปเลย ชื่นใจค่ะ ชื่นใจแทนเด็กๆตาดำๆ บ้านนอกบ้านนาของเรา ถ้าเจ๊เป็นนายกอบต.ตั้งแต่ตอนที่หนูยังเด็กเล็กตีนเท่าฝาหอย มีหวังตอนนี้หนูคงเป็นด๊อกเตอร์ช่วยงานเจ๊ได้ไปแล้ว สมัยนี้เด็กๆดีใจกันใหญ่เลย ที่จะมีเกมส์เล่น...เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ ที่จะมีโลกแห่งการเรียนรู้ที่ไร้ขีดจำกัดมาถือไว้ในมือ
เจ๊บินไปดูมาแล้วใช่มั้ยคะ ไอ้แท็ปเล็ตที่จะเอามาแจกเด็กๆน่ะค่ะ หนูขอบังอาจสงสัยนิดนึงนะคะ ตอนที่มีการแจกนมโรงเรียนน่ะค่ะ มีการเอานมเสียมาแจกด้วย ตอนที่คอมพิวเตอร์โรงเรียน ก็มีการโกงอีก แล้วสุดท้ายหนูก็ไม่เห็นว่าจะมีใครผิดเลยนะคะ ว่าแต่ว่า พวกนั้นมันก็ยังไม่ใช่คณะอบต.เจ๊อ่ะเนาะ โคตรจะน่าเกลียดเลยอ่ะ โกงเด็ก...มันก็ทำ บาปกรรมนะคะไอ้พวกเนี้ย หนูรู้ว่าเจ๊น่ะโปร่งใสไร้ราคี ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ (เจ๊ๆ...ยกนิ้วดีๆค่ะ อย่าเอานิ้วมาไขว้กัน)
แต่สิ่งที่หนูห่วงก็คือ ชอบมีคนทำอะไรลับหลังเจ๊น่ะสิคะ สุดท้ายเจ๊ก็ต้องหน้าช้ำอกตรมบอกนักข่าวว่าไม่รู้เรื่องอีก หนูน่ะเห็นใจเจ๊ค่ะ นักข่าวก็ถามล้วงตับลับลึก บางทีเจ๊ก็ไม่ได้เตี๊ยมมาก่อน เจ๊อาจจะลำบากทีหลังนะคะ เจ๊คิดดู ว่าถ้าแจกแท็ปเล็ตเด็กป.1 ไป แล้วมันดันมีเรื่องตุกติกอะไรเกิดขึ้น เช่น เสียเร็ว ใช้งานเอ๋อๆ ระบบมันรวน เพราะซื้อของถูกกว่า spec. มาให้ เด็กๆจะทำยังไงคะ
จะให้เด็กป.1 มันลุกขึ้นมาโวยวายหรือก่อม็อปเผาโต๊ะเรียนมันก็ยากนะคะ สมัยหนูป.1 น่ะ หนูกลัวคุณครูจนหัวแทบหดกลับเข้าไปในกระดองเลยนะคะ จะอ้าปากขออนุญาตไปห้องน้ำแต่ละที ยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย เพราะฉะนั้นเด็กอาจต้องก้มหน้ารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อนะคะ มันเหมือนเด็กจะกินก๋วยเตี๋ยวแต่เราแย่งลูกชิ้นเด็กไปหมดน่ะค่ะ คิดดูว่าเด็กมันจะเสียใจแค่ไหนนะ มันเรื่องใหญ่ถึงขนาดนั้นเลยนะคะเจ๊
เพราะความเข้าใจ ก็เลยเห็นอกเห็นใจค่ะ นี่ยังไม่นับว่าเด็กหกขวบเจ็ดขวบมันจะมีปัญญารักษาของเหรอคะ สมัยหนูนะ เสื้อกันหนาวก็หาย ร่มก็หาย ยางลบ ไม้บรรทัด ดินสอ มันหายไม่เลือกวันเลยนะคะ หนูเข้าใจว่าเจ๊น่ะใจป้ำ ทำหายเดี๋ยวเจ๊ก็ทำงบซื้อใหม่ให้อยู่แล้ว แต่อย่าเป็นแม่พระมากนักเลยค่ะ บางอย่างไม่จำเป็น เราประหยัดไว้บ้างก็ได้ แต่ที่หนูทักท้วงนี่ ไม่ใช่ว่าหนูจะขวางเขวิงความคิดเจ๊อะไรหรอก เพราะไม่ว่าเจ๊จะว่ายังไง หนูก็ว่าตามอยู่แล้ว หนูแค่เป็นห่วงว่าเดี๋ยวเจ๊จะโดนโจมตีจากสารพัดสื่ออีก หนูไม่รู้จะแทรกตัวลีบๆของหนูเข้าไปช่วยเจ๊ยังไงดี ก็แค่นั้นเอง...
เอ๊ะ...มองอีกมุมหนึ่ง หรือเจ๊คิดว่า มันคือ high risk, high return กันคะ เออเนาะ...เสี่ยงมาก ผลตอบแทนก็สูง ความจริงคิดๆไป ก็เหมือนจะใช่ อยากจะบอกว่าบางที ก็รู้สึกเหมือนกับว่าตามเจ๊ไม่ทันเลยนะ ทำไมหนูถึงเฝ้าคิดแต่ว่า ถ้าไอ้เด็กปลวกมันถือแท็ปเล็ตไปมา แล้วจะทำหายอย่างเดียวนะ ทำไมไม่คิดบ้างว่า มันคือวิธีทำให้เด็กรู้จักรักษาของต่างหาก หนามยอกเอาหนามบ่ง นี่มัน Bad sometimes good นี่นา และสุดท้ายเมื่อเด็กเจ็ดขวบรู้จักรับผิดชอบ มันก็จะมีความรู้ควบคู่ปัญญาจนได้ 555...อ้อ...อย่าลืมนะคะ ตั้งกรรมการเด็กป.1 ขึ้นมาสอบสวนความถูกต้องของการได้มาซึ่งแท็ปเล็ต อย่างที่หนูเคยเตือนด้วยนะคะ จะได้เป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เดี๋ยวแย่แล้วเราจะแก้ไม่ทันน่ะค่ะ ไม่น่าเชื่อเลย ว่าหนูจะคิดได้ไม่เท่าขี้เล็บปลายนิ้วก้อยเจ๊ด้วยซ้ำ ขอบคุณนะคะ ที่ให้บทเรียนนี้ ยอมรับเลยว่ามันจี๊ดดีจริงๆ
อีกอย่างค่ะ มันดีมากเลยที่เจ๊ไม่ลืมคอนเซ็ปท์ดั้งเดิม เรื่องความสามัคคีน่ะค่ะ ที่เจ๊แสดงให้ดูเป็นตัวอย่างในการไปงานเลี้ยงทหาร เจ๊เดินคู่กับท่านนายพลเอกคนนั้นด้วย หนูเห็นแล้วปลื้มจับจิต เพราะว่าหนูรู้สึกว่าเค้าเป็นคนดีมากอ่ะ คนที่เป็นคนดีนี่ เค้ามีรัศมีนะคะ หนูว่าเจ๊ก็คงจะรับรู้ได้เหมือนกัน หนูดีใจจังที่มันไม่ใช่การแสดงละคร ไม่เข้าใจจริงๆว่าคนอื่นๆที่ชอบทะเลาะกันน่ะ ไมรู้จะทะเลาะกันไปถึงไหน แล้วทะเลาะกันให้ได้อะไรขึ้นมา โบราณเค้าบอกว่า ลองถ้ามีสงครามแล้ว ไม่มีใครชนะหรอก ทุกคนแพ้หมดแหล่ะ ของง่ายๆแค่นี้ก็คิดกันไม่ออก เจ๊ทำถูกแล้วล่ะค่ะที่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ผิดหวังจริงๆ ถ้าหัวส่าย เดี๋ยวหางก็กระดิกเองแหล่ะ เย่ๆๆ...เราจะลองกองกันได้ซะที (พี่ติ๊ก ชีโร่ ฝากบอกว่า เอาเวลาทะเลาะกันไปดูแกแสดงคอนเสิร์ตดีกว่า -_-!)
เจ๊ขา...อีกนิดนะคะ ที่เจ๊ใจดีแจกตังค์ คนที่เค้าเผาตำบลแล้วโดนไฟในทรวงคลอกตาย 7 ล้านบาทน่ะค่ะ มันจริงเหรอคะ หนูได้ยินแล้วแทบจะกระโดดเข้าไปตายเพิ่มอีกคนเลยนะคะ เรื่องนี้หนูไม่ได้ตามข่าวเองหรอก เพื่อนมันบอก ถ้าข่าวผิดยังไง อย่าโทษหนูนะคะ โทษเพื่อนได้เลย หนูเป็นคนรักเพื่อนค่ะ แต่อยากให้เพื่อนรู้จักรับผิดชอบด้วย จะว่าไปอย่างหนูน่ะ ทำงานแทบตาย พยายามเป็นคนดี เสียภาษีไม่มีเบี้ยว ตายไปก็คงเป็นแค่ปุ๋ยขี้เถ้าธุลีดิน ไม่ก่อให้เกิดเงินซักแดง นอกจากใครมันจะเอาต้นมะม่วงมาปลูกบนหลุมฝังศพหนู ก็คงจะพอได้กินบ้างอะไรบ้างนิดๆหน่อยๆ โอย...ประโยชน์ช่างน้อยนิดนัก...
ไหนๆเจ๊ก็แจกไม่ยั้งขนาดนี้แล้ว เจ๊น่าจะแจกมันทั้งตำบลเลยนะคะ ใครใคร่ตายจ่ายหมด ใจเจ๊นี่ยิ่งใหญ่จริงๆนะคะ ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนเรียกพี่ได้เลย ได้ใจคนไปอีกอื้อซ่าส์ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เจ๊น่าจะบอกเค้าว่า เอาเงินตัวเองมาแจกด้วยนะคะ เชื่อหนู...ความประทับใจที่มีอยู่ เพิ่มขึ้นร้อยเท่าพันทวีคูณแน่นอนเลยค่ะ ใครมีแจกรางวัล Woman of the year ที่ไหนนะ ถ้าเค้าไม่มาประเคนให้เจ๊ ก็ไม่รู้ว่าจะไปให้ใครแล้วล่ะค่ะ
เจ๊ขา...ความจริงที่เขียนมาหาครั้งนี้ ก็อยากจะจิงเกอเบลกับเจ๊ด้วย ที่เจ๊ปรับคณะอบต.อย่างไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังน่ะค่ะ ก็ปรับๆไปตามความเหมาะสมอย่างที่เจ๊ว่าแหล่ะ...เนาะเจ๊เนาะ ใครจะว่าอะไร...เจ๊อย่าไปแคร์สื่อนะคะ ใครไม่รู้ สวรรค์ก็รู้ค่ะ ฟ้ามีตา ฟ้าเข้าข้างๆเจ๊แน่นอน งานนี้ไม่มีฟ้าฝ่าค่ะ เพราะไม่มีสายล่อฟ้าซักกะหน่อย ใครๆก็ดูออกว่ามันโปร่งใสโปร่งแสงขนาดไหน ทุกอย่างก็ถูกต้องอยู่แล้ว ว่าแต่เจ๊ใจกล้ามาเลยอ่ะค่ะ ที่เอาพี่คนนั้นมาเป็นรมต.ช่วย คนที่สั่งเผาตำบลตอนนั้นไงคะ แหม...เจ๊ไม่รู้แน่เลย ก็เค้ามีภาพตัดต่อเต็มเมืองให้ลึ่มๆนะคะ เค้าใส่เสื้อสีอะไรน้า แล้วประกาศกร้าวว่า “เผาเลย ผมรับผิดชอบเอง”
จริงๆแล้ว หนูก็ไม่ได้มีอคติกับใครหรอกนะคะ ใครเค้ากะเฬวรากยังไง เราก็ต้องรู้จักลืมอ่ะเนาะ รู้จักให้อภัย พระอภัยยังไม่โกรธนางผีเสื้อสมุทรเลย (แค่ไม่ยอมอยู่ด้วยเฉยๆ) ซากที่เค้าเผาก็พอทำเป็นลืมๆ ได้นะ มองอีกที เหมือนก๊อดซิลล่าบุกพ่นไฟใส่ตึก ควันฉุยเลย ตลกดีเนาะ ฮึๆๆ...หึๆๆ...วันนี้เค้าก็ก้าวขาเข้ามารับผิดชอบอย่างที่เค้าพูดไว้เด๊ะไม่มีผิด เอาความดีของเค้ามาทำประโยชน์ให้กับตำบลเรากันดีกว่า เจ๊บอกว่า เค้าเข้าใจชาวบ้าน ให้ไปดูแลเรื่องเกษตรน่ะดีแน่นอน นอกจากเจ๊จะเป็นท่านผู้นำแล้ว เจ๊ยังเป็นนักบริหารที่มองการณ์ไกลอีกด้วย เจ๊พูดถูกเผงเลย คนที่เข้าใจชาวบ้านเท่านั้นแหล่ะ จึงจะแก้ปัญหาจริงๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพราะนอกจากจะเข้าใจปัญหาชาวบ้านแล้ว ยังเข้าใจปัญหาของคนนอกตำบลด้วย แก้ได้ชัวร์ ฟันธงคอนเฟิร์ม!
ปัญหาของชาวบ้านก็คือ ชาวบ้านมีที่นาแต่ไม่มีตังค์ ปัญหาของคนนอกตำบลคือ คนนอกตำบลมีตังค์แต่ไม่มีที่นา สูงสุดคืนสู่สามัญ เราก็เอามาแลกกันไงเนาะ ให้ชาวบ้านเอาที่นาไปขายให้พวกนอกตำบลซะ เท่านี้ชาวบ้านก็จะมีตังค์กันหมด มีกินมีใช้ หน้าบานเป็นจานดาวเทียมกันทุกคน มีหวังงานนี้ได้เริงร่าท้าแดดฝน อมลูกอมโอเล่หวานฉ่ำ เป็นหนุ่มสาวโอเล่กันยกตำบลแหงๆ คงสนุกกันจนคอแห้งผากกันไปเลยเนาะเจ๊เนาะ พวกโง่เอ๊ย...เรามีที่นา แต่ไม่มีเงินมาตั้งนาน มันซื้อที่นาไปจากเรา ก็ต้องเจออย่างเรานั่นแหล่ะ 555 โง่แท้...โง่ขนาด...ส่วนเรา...เราฉลาด เราเลือกเอาเงินดีกว่า ก็โลกยุคใหม่ เค้าว่า มีเงินเป็นพระเจ้า ฮ่ะๆๆ แสงทองผ่องอำไพ...
หนูว่าเจ๊มองการณ์ไกล think bigๆ กว่านั้นไปเยอะแล้วแหล่ะ แต่อุบไว้ไม่บอกใครใช่ม้า เอาเป็นว่าในฐานะแฟนพันธุ์แท้ถั่วต้มของเจ๊ ขอกระซิบถามเบาๆได้มั้ยอ่ะคะ รู้กันแค่เราสองคนก็ได้ ครือว่า หนูว่าเจ๊วางแผนย้ายตำบลของเราไปกาแล็คซี่อื่นแล้วแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ ดูจากหมากที่เจ๊เดินในตอนนี้ เจ๊แค่หวังจะกวาดให้เรียบซะก่อน หนูเดาถูกมั้ยเนี่ย แต่ก่อนไปเราต้องขายของให้หมดนาเจ๊ อย่าให้เหลือ จะได้เอาตังค์ไปใช้กันที่นั่น หนูว่าพวกมนุษย์ต่าวดาวน่ะ ไม่น่าจะฉลาดเท่าเราร้อก เดี๋ยวเราไปหลอกพวกนั้นเอาก็ได้ อินเดียนแดงยังโดนคนขาวขับไล่ได้เล้ย นับอะไรกับมันสมองอย่างเจ๊ กระดิกนิ้วนิดหน่อย พร้อมเทคโนโลยีที่แสนจะไฮเทค มีหวังมนุษย์ต่าวดาววิ่งเปิดตูดแน่บ เผ่นแทบไม่ทัน ฮาก๊ากขำกลิ้งเลยเนาะเจ๊...5555....
ตอนแรกหนูก็ไม่รู้เรื่องการปรับคณะอบต.ของเจ๊หรอกนะคะ ก็อย่างที่บอก ว่าไม่ได้เฝ้าทีวีมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องขอบใจเพื่อนหนูอ่ะค่ะ ที่มันโทร.มาบอก มันดีใจจนน้ำตาจุกอกเลยนะ แสดงว่าดีใจมากจริงๆ นี่ดีนะที่ยุคนี้มีเทคโนโลยี แล้วพวกเราก็ใส่ใจเทคโนโลยีอยู่บ้าง เราก็เลยโทร.ไปมาหากันได้ ก็โทรศัพท์มือถือที่โทรๆ กันอยู่ทุกวันนี้ ก็ครอบครัวเจ๊ชัดๆ ที่เป็นผู้ริเริ่มนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต ต้องขอบคุณครอบครัวเจ๊จริงๆนะคะ ไม่งั้นป่านฉะนี้ พวกหนูคงจะวิ่งใช้โทรศัพท์กระป๋องสายป่านกันให้ยุ่งอีลุงตุงนังไปหมดแล้ว พี่ที่เค้าเดี่ยวไมโครโฟนน่ะค่ะ เค้าบอกว่า อีกหน่อยเราอ้าปากเฉยๆก็น่าจะโทร.ได้แล้ว เราไม่อยากรับ เราก็ถุยใส่ ง่ายแค่ขยับปากเอง
โอ้ว...ทำไมครั้งนี้มันช่างยาว เจ๊จะลายตามั้ยคะ แต่เจ๊หลับหูหลับตาอ่านหน่อยนะ หนูพยายามเขียนให้ชัดๆ วรรคอย่างดี หนูว่าเจ๊อ่านไม่ผิดวรรคผิดตอนหรอก หนูไม่ใช่ลูกน้องเจ๊นะ ที่จะมาพิมพ์ตัวหนังสือสับขาหลอกเจ๊ผู้เป็นนาย ดู๊ดู... ‘คอนกรีต’ พิมพ์ให้เจ๊เป็น ‘คอ-นก-รีต’ เจ๊เลยอ่านผิดว่า คอ-นก-รีต หน้าแหกกระจุยเลยอ่ะ หนูว่าแล้ว ว่าต่อไปเราจะไม่เจอน้ำท่วมเพราะมีคันคอ-นก-รีต ยังไงหว่า นึกว่าวัสดุชนิดใหม่ มันก็ดูแปล่งๆอยู่ ว่าแต่เจ๊สั่งพักงานไอ้ลูกน้องขี้เรื้อนคนนั้นอ๊ะยังอ่ะคะ เนี่ยล่ะน้า...ถ้าหนูไม่รักเจ๊จริง หนูคงไม่บรรจงทำให้เจ๊ถึงขนาดนี้ร้อก
ขออีกเรื่องเป็นบทส่งท้ายนะคะ เพื่อนหนูมันต้องไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆเลยค่ะ ก็เรื่องพี่คนนั้นน่ะค่ะ ที่แกหายไปแล้วกลับมามอบตัว เพราะเชื่อในตัวเจ๊...เอ๊ย..เชื่อในกระบวนการยุติธรรมน่ะค่ะ ตอนนี้เค้าได้ไปบวช แปลงร่างเป็นภิกขุไปเรียบร้อยแล้ว หนูขอปุจฉานิดหน่อยนะคะ เวลาเราทำผิดอะไรมากๆ กับคนเยอะๆเนี่ย เราบวชล้างบาปได้ด้วยเหรอคะ เราบวชทั้งๆที่ยังมีคดีติดตัวก็ได้เหรอคะ
หนูรู้ว่าเจ๊น่ะใจดีมีเมตตา แต่ว่าพี่เค้านี่สิคะ พี่เค้าบวชหนีแล้วจะได้บุญมั้ยคะ แล้วหนูคิดอคติกับเค้า หนูจะบาปมั้ยคะ ไม่ว่าจะศาสนาไหนๆ ในโลกนี้ ก็ไม่น่าจะสปอยล์คนไม่ดีนะคะ หนูแค่รู้สึกว่า บุญกับบาปมันควรแยกกันอย่างเด่นชัดน่ะค่ะ อย่างเจ๊มีบุญหนา บุญก็ส่งให้เจ๊อยู่เย็นแหล่ะ เจ๊อาจจะมีบาปกระจิ๋วหนึ่งตอนที่เผลอไปบี้มด ตอนที่เรดาร์นำทางเฮลิคอปเตอร์เสีย (ตอนที่ไปช่วยน้ำท่วมครั้งก่อนน่ะค่ะ แล้วกลับมาไม่ทันประชุมคณะอบต. เจ๊พอจำได้เนาะ) ก็เลยส่งผลให้เจ๊อ่านหนังสือผิดๆบ้างเป็นบางที แต่หนูไม่ได้ว่าอะไรเจ๊เลยน้า อย่างที่บอกไงว่ามันไม่น่าห่วง เพราะคนก็รู้สิ่งที่ถูกกันทั่วบ้านทั่วเมือง
แต่เรื่องพี่คนนี้เค้าดูแรงๆอ่ะค่ะ บวชหนีดูไม่แมนเลยนะคะว่ามั้ย แล้วยังจะขอความเมตตาจากศาลท่านไปดูงาน เอ๊ย...ไปแสวงบุญที่ตำบลภารตะอีก ภิกษุบางรูปบวชมาทั้งชีวิตยังไม่ได้ไปเลย พี่คนนี้แกจะล้างการกระทำในอดีตของแก ด้วยการไปแสวงหาอริยสัจสี่ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) แล้วกลับมาเป็นรมต.ศาสนามั้ยอ่ะคะ หนูดูอคติไปมั้ยคะ หนูน่ะไม่สามารถทำใจกว้างเป็นทะเลทรายโกบีได้อย่างเจ๊จริงๆนะ ฝุ่นละอองที่มาเกาะกระจกใจหนู มันช่างเยอะเหลือเกิน ปัดกวาดเท่าไหร่ก็ไม่หมด ของเจ๊นี่คงบรรลุถึงขั้น ในเมื่อไม่มีกระจก ฝุ่นละอองก็ไม่สามารถมาเกาะได้สินะคะ เป็นขั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีอะไรอยู่เลย...
ก็หนูบอกแล้วว่าเจ๊น่ะเมพขิงๆ...นี่ก็ยาวมากแล้ว ขอพอแค่นี้ก่อนนะคะ หนูจะทำเป็นลืมเรื่องทั้งหมด แล้วไปดูช้างเชิดสิงโตดีกว่า...ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ทำดีก็ต้องได้ดีอยู่แล้วล่ะค่ะ...
หนูเอง
หนูนา คารูแย้ (ตัวเดิมเด๊ะ)
20 มกราคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น