วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“ขอบคุณ” มีประโยชน์

               ได้เห็นข่าวตรุษจีนที่เยาวราช นอกจากความคึกคักของผู้คนและความอลังการต่างๆนานาที่มีมาให้เห็นทุกปีแล้ว ปีนี้มีอย่างหนึ่งที่อยากบันทึกไว้ให้ประทับอยู่ในใจก็คือ เราเห็นข่าวเด็กผู้หญิงอายุ 9 ขวบคนหนึ่ง ลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนนี่แหล่ะ ผิวขาวโบ๊ะอย่างไม่ต้องพึ่งพาไว้ท์เทนนิ่งยี่ห้อใดๆทั้งสิ้น 

หน้าตาแบบน้องคนนี้ต่อให้ไปผุดที่ทุ่งกุลาร้องไห้ก็บอกได้ว่าน้องเค้าเป็นอาหมวยแน่ๆ 

                ที่ประทับใจไม่ใช่หน้าตาหากแต่เป็นการกระทำต่างหาก 

น้องเค้าใส่เสื้อสีแดงดูน่ารักช่วยแม่ขายขนมเทศกาลตรุษจีน ผมยาวผูกแกละไว้ทั้งซ้ายขวาข้างบนหัว กระดกมาปรกหน้าทุกครั้งที่น้องตั้งใจไหว้ขอบคุณลูกค้าที่มาอุดหนุน เหงื่อเปียกเต็มปอยผมไปหมด ต้องใช้แรงของเด็ก 9 ขวบยกถาดขนมตลอดด้วย แต่แกก็ยิ้มแย้มและตั้งใจบริการลูกค้าที่สู้อุตส่าห์เดินมาอุดหนุนขนมของแม่ อย่างไม่มีท่าว่าจะเหนื่อยใจเลย ซึ่งพอดูจากขนมที่ขาย อีกทั้งลูกจ้างในร้านที่น้องคอยคุมด้วยตัวเองและสภาพโดยรวมแล้ว ก็บอกได้ว่าน้องเค้าไม่ใช่ลูกคนยากคนจนแต่อย่างใด เห็นอย่างงี้แล้วรู้สึกว่าน้องน่ารักขึ้นอีกหลายเท่าตัวไปเลย และพี่ก็ดูออกว่าน้องไม่ได้สร้างภาพแน่ๆ

                นักข่าวไปถามว่าทำไมมาช่วยขายขนม แกก็ตอบตะกุกตะกักวกไปเวียนมา (แต่น่ารัก) สุดท้าย...เราจับใจความได้ว่า “ จะได้รู้ว่าเงินแต่ละบาทไม่ได้หามาง่ายๆ กว่าแม่จะต้องหาอะไรต่อมิอะไรมาทำขนมได้ก็ลำบาก กว่าจะได้มาถึง 30 บาท ก็ใช้เวลานาน จะได้รู้ค่าของเงิน” (เราคิดเอาเองว่า 30 บาท คือ ราคาขนม 1 ก้อน) 

นี่มันเด็ก 9 ขวบจริงๆหรือเนี่ย คงไม่ต้องชมอะไรกันอีก... 

พอเราดูแล้วก็รู้สึกเลยว่า คนบางคนมันก็สมควรที่เค้าจะร่ำรวยจริงๆแฮะ แล้วนักข่าวก็ไปถามคุณแม่เค้า ว่าทำไมสอนให้ลูกมาช่วยขายขนม แม่เค้าตอบว่า “เลี้ยงเด็กสมัยนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องให้เค้ารู้จักเรียนรู้ด้วยตัวเอง การขายของทำให้ต้องคิดเลข ต้องทอนตังค์ รู้จักระวังไปในตัว รู้จักเอาใจลูกค้า ขอบคุณด้วยการไหว้สวยๆ รู้จักคุมลูกจ้าง คุมคนงาน ถ้าไม่มีแม่ เค้าก็จะอยู่เองได้” 

เป็นวิธีคิดในการสอนลูกที่ดีมาก บทเรียนที่มีค่ามักจะได้มาตอนที่ลำบากทั้งนั้นแหล่ะ
อ้าว...มัวแต่ชื่นชมน้องเค้าจนหลงประเด็นไปเลย ที่จริงพอเห็นเค้าไหว้ขอบคุณเลยนึกถึงคำนี้ขึ้นมาได้


ขอบคุณ เป็นอีกคำที่ควรหัดไว้ให้ติดปาก จะได้ไม่เคอะเขินเวลาจะใช้ เวลามีใครทำอะไรดีๆให้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย อย่างหยิบของให้หรือยิ่งใหญ่อย่างช่วยชีวิตเราก็ควรพูดขอบคุณทั้งนั้น การที่เราพูดขอบคุณ มันดีกว่าเรารับความกรุณานั้นมาเฉยๆ เยอะเลย อย่างน้อยก็ทำให้เค้าเต็มใจทำให้เราอีกในครั้งต่อไป ซึ่งก็ไม่ใช่การหลอกใช้แต่อย่างใด

                คนไทยเรามีโอกาสได้พูดคำๆนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเดินเตาะแตะ ถ้ามีใครเอาอะไรมาให้ พ่อแม่มักบอกว่า “ธุจ้าสวยๆก่อนลูก” หรือ “ทำไงก่อน ไหว้รึยังลูก” “ขอบคุณรึยัง” จนกระทั่งเข้าโรงเรียนคำนี้ก็ยังเป็นคำยอดนิยม ที่ครูเพียรที่จะฝังมันไว้ในสมองเรา ซึ่งเราคิดเอาเองว่า คุณครูที่โรงเรียนของเด็กๆสมัยนี้ก็คงสอนเด็กๆพูดคำๆนี้เหมือนกันแหล่ะ ตอนเด็กเรามักถูกสอนให้ทำสิ่งดีๆ แต่พอโตขึ้น บ่อยครั้งที่เราลืมเลือนมันไป บางทีอาจเขิน บางทีอาจหยิ่ง บางทีอาจเห็นว่าไม่จำเป็น หารู้ไม่ว่า...ถึงมันจะเล็กๆแต่มันก็ให้อะไรดีๆได้อีกเยอะ 

เช่น ถ้าเราเป็นผู้ใหญ่ทำงานตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต หากเราพูดคำนี้บ่อยๆ มันจะทำให้เราดูตัวเล็กลง ทั้งที่ตำแหน่งเรา เงินเราก็เท่าเดิมแหล่ะ แต่ความยึดติดมันคงน้อยลง ทำให้เราดูน่าเข้าใกล้มากขึ้น มันก็ดีกว่ามั้ยที่ใครๆจะกล้าเข้าใกล้เรา ในทางกลับกัน ถ้าเราเป็นคนชนชั้นผู้น้อยแล้วเราพูดคำนี้บ่อยๆ ตัวเราจะดูใหญ่โตมากขึ้น เราจะน่าเอ็นดูมากขึ้น ผู้ใหญ่จะรู้สึกดีกับเรามากขึ้นมั้ย เราไม่ต้องเลียแข้งเลียขาก็ได้นะ (เพราะนั่นมันหมา มิใช่คน) คำว่า ขอบคุณ มันใช้ลดช่องว่างระหว่างชนชั้นได้...จริงมั้ยหว่า

                สังเกตดูนะ วัดง่ายๆเวลาพูดกับเด็กน้อย อายุไม่กี่ขวบนี่แหล่ะ เมื่อใช้ให้เด็กทำอะไรให้ แล้วพูดขอบคุณหรือขอบใจมัน ส่วนใหญ่เด็กน้อยจะยิ้มบานแฉ่งดีใจและจะเต็มใจทำให้เราอีก สิ่งที่เด็กแสดงออกไม่โกหกหรอกนะ (ถึงทำได้ก็ไม่เนียน) ถึงเราโตเป็นผู้ใหญ่ แต่โดยลึกๆแล้ว เราคิดว่าเราไม่ต่างกับเด็กนักหรอก เพียงแต่ความรู้สึกมันหลบลึกลงไปกว่าเดิม ซึ่งบางทีจะลึกไปไหนก็ไม่รู้เนาะ มันคงโดนอะไรที่หม่นๆมาเคลือบไว้หนา จนใจมันด้านชารึเปล่าก็ไม่รู้ ด้านชาจนลืมสิ่งดีๆที่เราเคยทำและเคยเป็น... 

ความจริงชีวิตจริงเราเนี่ยพูดจาโคตรจะหยาบคายเลยนะ แต่ก็สำหรับคนที่สนิทที่เป็นเพื่อนและน้องเท่านั้น แต่ถ้าใครทำอะไรดีๆให้ ถึงจะเล็กๆน้อยๆคำขอบคุณมันจะออกจากปากเราไปโดยอัตโนมัติ พูดแล้วรู้สึกว่าชีวิตมีดีขึ้นมาอีกนิดๆนะ อยากให้ลองมาพูดกันใหม่ให้เหมือนเด็กๆ

                พูด ขอบคุณ...ทุกครั้งที่ลงจากรถโดยสาร แล้วเห็นว่าเค้าขับรถดี อย่าลืมบอกด้วยว่าพี่ขับรถดีมาก
                พูด ขอบคุณ...ทุกครั้งที่เด็กเสิร์ฟ เอาน้ำหรืออาหารมาวางให้ นอกจากทิ้ปที่เราจะให้เค้าเพิ่มหากพอใจมาก
                พูด ขอบคุณ...ทุกครั้งที่จะเข้าห้องน้ำ แล้วมีแม่บ้านเช็ดถูห้องน้ำเสร็จพอดีก่อนเราจะไปเข้าใช้
                พูด ขอบคุณ...ทุกครั้งที่เราไปซื้อของที่อยากกินหรืออยากได้แล้วเค้าบริการเราเป็นอย่างดี แม้ว่าเราจะเป็นคนจ่ายตังค์ก็ตาม
                พูด ขอบคุณ...ทุกครั้งที่ป้าแม่บ้านมากวาดใต้โต๊ะทำงานให้...ถ้าไม่มีเค้า มือเราอาจจะสาก (มากกว่านี้) นะ...
                พูด ขอบคุณ...ทุกครั้งที่...ฯลฯ
                99% เวลาที่เราพูดคำนี้ออกไป เรามักจะได้รอยยิ้มดีๆตอบกลับมา ซึ่งมันก็ดีกว่าเค้าตีหน้านิ่งๆ หรือตีหน้ายักษ์ใส่ไม่ใช่เหรอ การพูดคำๆนี้แค่คำเดียว อาจมีผลให้คนที่ทำงานหนักลดความเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายลงไปได้ และมันยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเราเป็นคนยังไง อ้อ...อย่าลืมจริงใจเวลาพูดด้วยล่ะ เพราะไม่งั้น...คนฟังเค้าจะจับได้ว่าเราพูดส่งเดช!







ขอบคุณนะที่มาอ่าน
It’s me
24 มกราคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น