เราเป็นเด็กสุรินทร์ เกิดที่นั่น โตที่นั่น...เพราะฉะนั้นโลกของเราส่วนใหญ่มันก็จะอยู่ที่นั่นแหล่ะ นานๆครั้ง ถึงจะมีผู้มีเมตตามาโปรด พาเราเข้ามากรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เพื่อมาดูโลกศิวิไลซ์ เป็นครั้งคราวไป มีครั้งหนึ่งเข้ามาอยู่เป็นเดือน ตอนจบ ม.6 เพราะทำท่าว่าจะไม่มีที่เรียนแน่ๆ ถ้าเอ็นฯไม่ติด
เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่มาเรียนกรุงเทพและสอบได้ทุนไปเรียนเมืองนอกอย่างลอยลำ ไปแล้ว ในขณะที่มันสอบได้ทั้งทุนกพ.และทุนวิทยุการบินไทย มันต้องเลือกว่าจะเอาทุนไหนดี เพื่อไปเรียนที่อเมริกา แพนกล้องตัดกลับมาที่ตัวเรา เน่าสนิท นั่งยองๆ หน้าโง่ๆอยู่ในมุมมืด หางตก หงอยๆ แคะเล็บตีนอยู่ มีไฟสลัวสาดมาจากเบื้องบน นุ้ยเอ๋ย...ชีวิตมึง จะเอายังไงต่อดีวะ แต่ไอ้ที่จะไม่มีที่เรียนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะ อันนี้ทำตัวเองล้วนๆเลย เป็นเรื่องของกรรม
เพื่อนคงสงสาร เลยนำเสนอเต็มที่ให้เรามากรุงเทพ มาอยู่บ้านมันเพื่ออ่านหนังสือสอบ กินฟรี อยู่ฟรี ไม่ได้เรียนพิเศษอยู่แล้ว เพราะไม่มีตังค์ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตจะดราม่าอะไรหรอก ก็ชิน เพราะเกิดมาก็ไม่เคยได้เรียนพิเศษ ก็เอาวะ ทำเท่าที่ทำได้แหล่ะ พยายามดู...ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
เพื่อนมีน้อง เรียนที่เตรียมอุดม อยู่ ม.4 มันสอบเทียบจบ ม.6 แล้ว จะเอ็นฯด้วยเหมือนกัน วันๆ ก็นั่งเล่นแต่เกมส์คอมฯ หนังสือหนัง หาก็ไม่อ่านอะไร คิดว่ามันคงไม่จริงจังมั้ง แต่กูสิ ถ้าเอ็นฯไม่ติดนี่ถึงกับไปต่อไม่เป็นเลยนะ ด้วยความที่สนิท เราก็ไปพูดกระแทกใส่หน้ามัน “ถ้ามึงทำยังงงี้แล้วเอ็นท์ติดนะ กูจะบวชชีให้มึงเลย” แล้วก็หัวเราะอย่างสะใจ พูดใส่ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ พูดเพราะสนุกปาก ไม่ได้คิดอะไร
วันหนึ่งไปเดินที่อนุสาวรีย์ชัยฯ กับน้องเพื่อนอีกคนที่อยู่ ม.1 ก็เดินเล่น keep my eyes open เปิดหูเปิดตาดูนู่นนี่ไป ตามประสาเด็กบ้านนอก แถวนั้นคนก็เยอะยังกับหนอนตลอดเวลาอยู่แล้ว อยู่ๆก็มีเสียงดังๆ เหมือนใครด่าใครอะไรซักอย่าง แล้วก็มีเสียงทุบ ‘ตุ้บบบบบ!’ ดังๆ...รู้ได้ว่ามันดัง เพราะมันทุบลงมาที่กลางหลังกูเอง โดนทุบตัวเด้งเลย
ความโกรธไม่รู้พุ่งมาจากไหน เป็นใครก็ต้องโกรธวะ อยู่ดีๆก็โดน ยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิด เราก็จะหันไปด่ามันตามสัญชาตญาณ พอหันหน้าไป เสือกเจอกับใครคนหนึ่ง ตัวโตๆ ยืนตัวดำทะมึนอยู่ แยกไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือว่าเป็นผู้ชาย เพราะมันมีผมฟูๆมาบังหน้าเต็มไปหมด บอกได้แต่ว่า ‘เป็นคนบ้า’ ใส่เสื้อที่เคยเป็นสีแดง กางเกงสีดำ เก่าขาดเน่าเหม็น
นอกจากจะไม่ได้ด่าพี่เค้าแล้ว ยังโดนด่าดังลั่นเลย ที่บอกว่าคนอย่างกับหนอนน่ะ ทุกสายตาก็เริ่มจับจ้องมองมาที่จุดเดียว กูอายุ 18 กับเด็กม.1 อีกหนึ่งคน จูงมือลั้นลากันไป ตอนนี้กำลังมีเรื่องกับคนบ้า คนบ้ากำลังชี้หน้าด่ากู...รัวเลย ไม่รู้จักกันด้วย ได้ทุบกูฟรีๆ 1 ที โคตรแรงเลยด้วย อยากร้องไห้ เรื่องจริงเหรอวะ หนีดีกว่า คว้ามือน้องแล้วก็สับขาวิ่งให้เร็วที่สุดที่จะทำได้ วิ่งขึ้นสะพานลอย แล้วหนีเข้าร้านดอกหญ้าไป และยังชะเง้อชะแง้มาดูเรื่อยๆ ว่าพี่เค้าตามเรามามั้ย ค่อยโล่งใจ สงสัยขึ้นสะพานลอยมา ไม่ใช่อาณาเขตแกแล้ว
เรื่องนี้...คิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าแม่-ง คนเป็นพันเป็นหมื่น ทำไมมึ้งจำเพาะเจาะจงจะมามีเรื่องกะกู๊ มาทุบตีกู หน้ามึงกูก็ไม่เคยเห็น อย่าว่าแต่จะไปทำกรรมเวรอะไรไว้ร่วมกันเลย ชีวิตกูก็อยู่อย่างตัวเล็กๆ เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่หาเรื่องใครอยู่แล้ว แล้วคนอื่นเค้าจะคิดยังไง นั่นเป็นครั้งแรกที่เราจำกรุงเทพได้ติดตา แต่มาคิดๆดู ถึงจะซวย...แต่ถ้ามองอีกมุม ก็ถือว่ายังดีนะ ที่วันนั้นมาเป็นมือ ไม่ได้มาเป็นมีด ไม่งั้นคงได้ไปเป็นผี นั่งโม้อยู่นรกขุมไหนก็ไม่รู้แล้วป่านนี้...
ตอนนั้น...พอผลเอ็นทรานซ์ออกมาปรากฎว่าเราสอบติดมหา’ลัยขอนแก่น ชีวิตรอดหวุดหวิด ส่วนไอ้น้องเพื่อนที่เล่นแต่เกมส์ เสือกสอบติดพระนครเหนือ แต่มันสละสิทธิ์ ปีถัดมามันก็ติดจุฬาสมใจ เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่มานะอะไรเลย แต่เสือกหัวดี เฮ้อ...แอบอิจฉาหัวมัน ส่วนกูเรียนดีมาตลอดชีวิต ขี้เกียจตอน ม.6 ปีเดียวเล่นเอาชีวิตเกือบหายนะกันไปเลย ไอ้ที่เคยชี้หน้าด่ามันไว้ เราก็ทำเจี๋ยมเจี้ยมไป บอกมันไปว่ากูก็เป็นคนธรรมดา พูดอะไรก็กลับคำบ้าง คืนคำบ้าง ก็ธรรมดา...
แต่ความจริง ถือเป็นโชคดีที่สุดเลยนะที่ได้เรียนที่ขอนแก่น มันทำให้เราได้เจอเพื่อนเกรียนๆมากมาย เต็มไปหมด เหมาะสมกับหน้าตาและตัวตนของเราเป็นอย่างมาก และเราก็ไม่เคยพบเจอกับคำว่าเรียนดีอีกเลย เกรดที่ผ่านไปแต่ละเทอม ก็ล้วนต่ำเตี้ยถูไปไถมา เรามันเป็นพวกคนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่ได้เกรดอะไร เราก็ได้ด้วย คนส่วนใหญ่ตกวิชาอะไร เราก็ตกด้วย ไม่เคยหลุดเทร็นด์สักครั้ง ตามทันตลอด
ตอนไปเรียนมหา’ลัย มีความซวยน่ารักๆที่อุตส่าห์แวะมาเยี่ยมเยือนกัน คือครั้งหนึ่งพวกเราเหล่านักศึกษาจะนั่งรถบัสไปไหนก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าเป็นตอนกลางคืน เป็นรถบัสธรรมดาๆ ถ้าเปิดกระจกก็ปรับอากาศในรถเท่ากับนอกรถพอดีเป๊ะ
ทุกคนก็นั่งกันเต็มรถ เรานั่งข้างน้องผู้หญิงอีกคนหนึ่ง กำลังจะหลับ อยู่ๆ ก็มีวัตถุหนึ่งวิ่งเข้ามาในขากางเกงข้างขวาด้วยความเร็วสูง มือก็อัตโนมัติคว้าปุ๊บด้วยความรวดเร็ว จับได้ตอนที่มันอยู่ที่หัวเข่า ขาสั่นผั่บๆๆ เพิ่งเคยกลัวสุดๆในชีวิต กรี๊ดไม่ออก สิ่งที่ทำลงไปคือ ลุกขึ้นยืนพึ่บ จะร้องตะโกนยังร้องไม่ออกเลย แต่น้ำตาไหลพราก มือสองข้างกุมมันเอาไว้จากข้างนอกกางเกง รู้สึกได้ว่ามันมีขาเป็นสิบ พยายามตะกุย และจะกัดกูแน่ๆ
น้องข้างๆ ถามว่าเป็นอะไรพี่ เราได้แต่สั่นไปหมด น้ำตาไหลบอกมันไปว่า มีอะไรซักอย่างเข้ามาในกางเกง มันถามเราว่าอะไร ตอบมันไปว่า แมงมุมยักษ์ตัวเท่าฝ่ามือ ตอนนี้บีบมันไว้อยู่ แรงมีเท่าไหร่ บีบเต็มที่เลย ให้อีน้องไปตามคนมาช่วย ในใจนึกถึงแต่ภาพ มันพยายามเอาขาเยอะแยะของมันมาตะกุยเรา ปากคงกำลังหาทางแยกเขี้ยวกัดเราอยู่ ตัวมันนุ่ม นุ่มมากๆ น่าจะมีขนเยอะๆฟูๆด้วย ขนาดจับผ่านกางเกงยีนส์ยังรู้สึกได้ รู้สึกว่าหัวใจมันเต้นตึกๆๆ เต้นอยู่ในมือเรา และแน่นอนทุกคนเริ่มเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น อีนี่มันยืนตัวแข็งร้องไห้ทำไม
ขาก็สั่น น้ำตาก็ร่วงแล้วร่วงอีก นาทีนั้นตั้งสติยากมาก พยายามดึงให้มันไปอยู่ไกลจากขาให้มากที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะใส่กางเกงยีนส์ขายาว ได้แต่รอให้มีคนมาช่วย แล้วก็มีพี่คนหนึ่งวิ่งมาจากข้างหน้ารถ เค้ามาดูและพยายามจะช่วยเหลือ ด้วยการค่อยๆพับขากางเกงเราขึ้นไปเรื่อยๆ เค้าถามเราว่ามันนุ่มๆ ใช่มั้ย เราก็ได้แต่พยักหน้า ขาสั่นไป
พี่เค้าพยายามคุยไม่ให้เราสติแตก บอกให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว แล้วก็พับกางเกงไปเรื่อยๆ แต่เพราะว่าเป็นกางเกงยีนส์ จะพับถึงเข่า มันก็ยากนิดหน่อย และแล้วก็มาถึงตรงที่มันอยู่ มีหางยาวๆ ห้อยตกลงมา เค้าจับหางมันไว้ แล้วก็จับกางเกงตรงที่เราจับอยู่ ให้เราปล่อยมือ แล้วเค้าก็ดึงมันออกมา พร่วดดด...แมงมุมยักษ์ กลายเป็นหนูตัวหนึ่ง พี่เค้าชูให้ดู แล้วบอกว่า น้องบีบมันจนตายแล้วครับ ฮือๆ อายก็อาย กลัวก็ยังกลัวอยู่ เราก็ขอบคุณเค้า ทุกคนได้หัวเราะสนุกสนาน อ๋อ...หนูน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แล้วก็แยกย้ายกลับไปนั่งที่ อยากให้มันเข้ากาเกงคนอื่นบ้าง...
จะมีซักกี่คนวะในชีวิตนี้ ที่มีหนูมาวิ่งเข้าขากางเกง คนทั้งรถ มึงเลือกยังไงวะ คือดูแล้วว่าอีนี่หน้าตาดูซื่อๆโง่ๆที่สุด เข้าขามันนี่แหล่ะ น่าจะปลอดภัย หรือว่าบังเอิญ แล้วถ้ากูจับมึงไม่อยู่ที่หัวเข่า อะไรจะเกิดขึ้น แมลงสาบนี่ก็ว่าเจ็บปวดแล้วนะ นี่หนูเลยเหรอวะ มากไปมั้ย สงสารตัวเองมาก เรื่องนี้เล่าให้ใครฟัง ทุกคนก็ว่าเหมาะสมกับเราแล้ว...ทำไม...ทำไมต้องเหมาะกับกู...
จริงๆนะ ถ้าไม่นับไอ้พวกเรื่องสัพเพเหระประเภท อยู่กับเพื่อนเป็นฝูง เดินผ่านสนามบาส สนามบอล ลูกลอยออกมาจากสนามทีไร ชอบหล่นมาตกใส่หัวกบาลเกือบทุกที เป็นหัวแม่เหล็ก หรือเคยนั่งรถไฟ แล้วรถไฟชนควาย ตายคาที่ 2 ตัว เดินทางต่อไม่ได้ เพราะล้อติดศพควาย หรือนั่งรถทัวร์ แล้วรถยางระเบิด
หรือนั่งรถกับเพื่อน แล้วเพื่อนบอกว่า ชีวิตมันขับรถเกิดอุบัติเหตุมา 3 ครั้ง และทำไมทุกครั้งมึงต้องอยู่ในรถกูด้วย หรืออย่างขึ้นรถทัวร์ แล้วเมียฝรั่งชวนเราไปหาผัวฝรั่งที่พัทยา เราพยายามปฏิเสธ แต่เค้าก็อาสาจะพาไปให้ได้ มีน้ำใจกับเราเกินไปมั้ย หรืออย่างตอนเด็ก หมาจะกัดเพื่อนเรา แต่กัดผิดตัวมากัดหัวเราแทน เจ็บฟรี ถ้าไม่นับเรื่องพวกนี้ ชีวิตเราก็ธรรมดาๆนี่แหล่ะ...จริงๆนะ....
It’s me
คนที่แอบคิด ว่าชีวิตบางทีมันก็แปลกอยู่นิดหน่อย...
17 พฤศจิกายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น