นั่ง Taxi ช่วงสั้นๆ เค้าเปิดวิทยุ เจอช่วงสัมภาษณ์แม่ชีศันสนีย์พอดี แม่ชีบอกว่า ถึงน้ำจะท่วม แต่คนที่ปฏิบัติธรรมก็ยังมานะ คนที่มาบอกว่า เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสปฏิบัติธรรมในน้ำ ที่เสถียรธรรมฯมีกรอกทราย คนที่มากรอกๆกัน กลางวันเค้าก็ไปทำงานเหนื่อยๆ ตอนเย็นก็ยังพาจิตอาสามากรอกทรายอีก แม่ชีถามเค้าว่า ทำไมถึงทำล่ะ เหนื่อยนะ เค้าบอกแม่ชีว่า ภาวะที่สุขสบายไม่ได้ทำให้เค้าเรียนรู้อะไรได้หรอก เราเรียนรู้ได้จากความลำบากต่างหากล่ะ แม่ชีพูดว่า บางที แม่ชีก็ไม่ได้สอนอะไรคนพวกนี้เท่าไหร่หรอก คนพวกนี้ซะอีก ที่มาสอนแม่ชีให้รู้จักโลกมากขึ้น คนเรามองโลกในแง่ดี เกิดวิกฤติอะไร เค้าก็มองเห็นโอกาสดีๆอยู่ดี
ไปถึงตึกเนชั่นบ่ายสามนิดหน่อย เพื่อนลงมาหา และบอกลู่ทางการทำมาหากิน แล้วมันก็สะบัดตูดขึ้นไป เพราะต้องสะสางงานให้เสร็จก่อนจึงจะเสนอหน้ามาช่วยได้ มีคนช่วยกันทำงานเยอะเหมือนกัน ตอนแรกเราก็ไปนั่งกับพี่คนหนึ่ง อายุน่าจะสี่สิบปลายๆแล้ว ตรงนี้เป็นกรุ๊ปแบ่งครีมทาน้ำกัดเท้าใส่ตลับ เอาไม้ไอติมป้ายมันออกมาจากกระปุก แบ่งออกใส่ตลับ ส่วนเราทำหน้าที่ยากที่สุด คือการหมุนปิดฝา การหมุนนิ้วของเรายังมีประโยชน์เลยนะ ได้มีส่วนช่วยคนที่เค้าเดือดร้อนด้วย ไม่น่าเชื่อ...อยากถามเค้าว่าไม่มียาทาแก้จระเข้กัดเหรอ ก็กลัวจะโดนถีบออกมา เลยนั่งก้มหน้าก้มตาทำจะดีกว่า
ซักพักมีดารามา เค้าคนนั้นคือ คุณไมค์ ภิรมย์พร เราก็ไม่ได้ออกนอกหน้าอะไร เพราะรู้ว่านี่ไม่ใช่ทาง ถ้าเป็นไมค์-กอล์ฟ ก็ไม่แน่ อาจจะยิ้มหุบไม่ลงกันไปเลย เราได้เปลี่ยนงานแล้วตอนนี้ เปลี่ยนมาเป็นมัดถุงยา หนึ่งถุงพลาสติกใสๆ จะบรรจุ ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน 1 ขวด พลาสเตอร์ยา 10 อัน ครีมทาแก้น้ำกัดเท้า 1 ตลับ แล้วก็มัดยางยืด 1 เส้น เรานั่งหันหลังให้คุณไมค์ พอมองพี่ที่ทำงานอยู่ด้วยกันนี่ แกนั่งยิ้มเหม่อ มองหน้าคุณไมค์ ยิ้มไม่หุบ ปากมันค้าง...
เราจะแซวก็ไม่สนิท เดี๋ยวจะโดนข้อหาเสือก มีป้าแม่บ้านมาขอถ่ายรูปกับคุณไมค์ ถึงกับกอดด้วยความปลื้ม กรี๊ดกร๊าดสนุกสนานประหนึ่งอายุ 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ คุณไมค์ช่างเป็นขวัญใจป้าแก่แม่เฒ่าจริงๆ เค้านั่งอยู่ที่โซฟา ห่างจากเราไม่ถึงสองเมตร พี่ที่อยู่กับเราแกก็พยายามจะหาเรื่องคุย ก็ถามว่า “คุณไมค์ทานข้าวเหนียวหมูมั้ยคะ” คุณไมค์สั่นหัว “ไม่ทานครับ” “อ้าว...ไม่ทานข้าวเหนียวเหรอคะ” “ไม่ใช่ครับ ข้าวเหนียวนี่ของถนัดเลย” เราก็เลยเสริม...ไอ้เรื่องเสริมเนี่ยถนัดนัก “ไม่ทานข้าว งั้นทานยามั้ยคะ” พร้อมชูยาที่อยู่ในมือให้ดู ไมค์ ภิรมย์พรอึ้งไป อี่นี่...สนิทกับมึงเหรอ ทำมาแซวๆ ปากบอกว่า “ยาเลยเหรอครับ ไม่ทานดีกว่าครับ”
ด้วยความที่กลัวว่าพี่ที่นั่งอยู่ด้วยเค้าจะน้ำลายไหล เราก็เลยถามพี่เค้าว่า “คุณไมค์เนี่ย...ขวัญใจเหรอคะ” แกยิ้มแก้มแทบปริ บอกว่า “แหม...ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” แต่ท่าทางนี่นำออกนอกหน้าไปแล้ว เราก็เลยบอกว่า “ถ่ายรูปให้ เอามั้ยคะ” พี่เค้าว่า “มันจะดีหรือคะน้อง” “ดีแน่ค่ะพี่” เพราะตาพี่ไม่อยู่กับถุงแล้ว ตาพี่อยู่ที่ขวัญใจพี่ตลอดเลย...กลัวแกมัดยางยืดกับนิ้วตัวเองแทนที่จะมัด ถุง...
แล้วแกก็หันหลังไปค้นของในกระเป๋ายุกยิกๆ นึกว่าจะหยิบมือถือออกมาให้เราถ่ายรูปให้ ปรากฎว่าแกคว้ากล้องดิจิตอลออกมา บ๊ะ...ถ่ายเป็นการเป็นงานกันไปเลย แล้วเราก็พาไปขอคุณไมค์ให้ถ่ายรูปด้วย “ขอถ่ายรูปด้วยนะคะ” “ครับๆ” “ใกล้กันหน่อยค่ะ ยิ้มนะคะ หนึ่ง สอง สาม แชะ” เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ พี่เค้าเดินกลับมาดูรูป แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แก้เขินด้วยการถามว่า “แล้วน้องไม่ถ่ายเหรอคะ” เราก็ส่ายหัว “ไม่หรอกค่ะ ขอบคุณมาก” เป็นอันว่า เราทั้งคู่ก็ไปนั่งทำงานต่อได้อย่างสบายใจ
มีคุณยายคนหนึ่ง อายุน่าจะปาเข้าไปเจ็ดสิบได้แล้ว แกเดินยิ้มเข้ามาถามว่า มีอะไรให้ยายช่วยทำมั้ย โอ้โห...คุณยายคะ ยังจะมีจิตอาสา จิตใจดีจังเลยแฮะ ถามแกว่า นั่งกับพื้นแล้วจะปวดขามั้ยคะ แกบอกปวดจ้ะ พวกพี่เค้าก็ไม่รู้ว่าจะให้แกทำอะไรแล้ว เราเลยบอกว่า คุณยายไปนั่งโซฟาดีกว่าค่ะ นั่งใกล้ๆคุณไมค์นั่นแหล่ะ มานั่งดูก็รู้สึกดีแล้วค่ะ
พอมัดถุงยาเสร็จ ก็ได้เวลาที่เค้าจะเริ่มเดินเอาของใส่ถุงบริจาคพอดี วิธีการก็คือ วางของแต่ละอย่าง(เป็นลังๆ)ต่อๆกันไปเรียงหน้ากระดาน แล้วก็ให้คนไปประจำที่แต่ละจุด แล้วเราก็ไปเดินเอาถุงที่จุดแรก 2 ถุง ถือมือซ้ายหนึ่งและมือขวาอีกหนึ่ง เดินรับของไปทีละจุดจนครบ เหมือนการใส่บาตรนั่นแหล่ะ พอครบ ในถุงก็จะมี ข้าวสาร 1 ถุง (กรอกแบ่งมา), ปลากระป๋อง 2 กระป๋อง, ปลาแห้ง, น้ำปลาขวดเล็ก, ยา, ทิชชู่, นม 1 แพ็ค, ยาสีฟัน, สบู่นกแก้ว, มาม่า 4 ซอง, ขนมขบเคี้ยวเอาไว้กินเล่น, ผ้าอนามัย 1 ห่อ (มี 5 แผ่น) และส้วมกระดาษ 1 อัน พอบิณฑบาตเสร็จ เราก็เอาถุงไปกองๆ ไว้ ก็จะมีคนคอยม้วนขมวดปม เป็นอันเสร็จพิธี
เราก็สงสัยว่าอย่างผ้าอนามัย มันมี 5 แผ่นเอง ทำไมถึงไม่ใส่ไปให้พอใช้ 3 วันเลยล่ะคะ หรือว่าให้ใช้วันละแผ่น...พยายามทำหน้าให้อ่อนน้อมเป็นที่สุด เดี๋ยวจะโดนข้อหากวนตีนโดยประมาท เค้าบอกว่าผ้าอนามัยหาซื้อไม่ค่อยได้นะ มันก็เลยต้องเฉลี่ยๆ กันไป อ๋อ...อย่างงี้นี่เอง
คนอยู่กับน้ำท่วมนี่น่าสงสารมาก ได้แต่ตั้งตาลอยคอรอคอยไป ว่าวันไหนใครจะเอาอะไรมาให้ ถ้าเกิดมาแล้วอยู่กับมันมาโดยตลอด คงชิน ไม่ต้องกลัวอะไร แต่นี่อยู่ๆก็มาปรากฎตัวในหัวใจ อยู่ๆไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงเธอได้ทุกวัน ซวยไม่รู้เรื่อง จะเตรียมทำอะไรก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แค่ตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะไป ถ้าอยู่จะอยู่ยังไง ถ้าย้ายไปแล้วจะไปไหน ต้องรอคนมาช่วยเหลืออยู่ดี
หลังจากเดินรับของใส่ถุงได้ระยะหนึ่ง เราก็เปลี่ยนแนว มาขมวดปมมัดถุง โดยต้องรีดให้ลมมันออกไปก่อน เค้าว่าไม่งั้นเวลาไปแจก ถุงมันจะแตกโบ๊ะออกมา ม้วนปลายถุง ขมวดมัน แล้วยัดปลายเข้าไปในรู ดึงปื้ด 1 ทีเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตอนเดินรับของได้เจอเด็กน้อยสองคน น่าจะอายุประมาณไม่เกินสิบขวบ มาทำหน้าที่เอานมใส่ถุง เป็นไฮเปอร์มาก สนุกใหญ่เลย แข่งกันทำ คนต่อแถวรับของมันเยอะ ก็เลยติดๆหน่อย เด็กถึงกับวิ่งไปหาคนอื่นที่ยังเดินมาไม่ถึง อ่ะเอานมไป เหมือนพระบิณฑบาตมาไม่ทันใจ ก็ต้องวิ่งไปหาพระถึงที่เลย เยี่ยมมาก เด็กๆทำอะไรก็ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย มันสนุกไปหมด เอนโดรฟินมันเยอะจัด
พอ ถุงที่ผูกเสร็จมันเริ่มเยอะ ทำท่าจะถมหัวเอา ก็เปลี่ยนหน้าที่อีกครั้งไปลำเลียงถุงไปตั้งกองเป็นแนวแล้วถมๆมันขึ้นไปจน กลายเป็นภูเขา ติดข้างฝา จากเป็นกล่องเป็นลัง ตอนนี้ทุกอย่างก็แปลงร่างกลายเป็นถุงยังชีพช่วยเหลือ เหมือนกบนอกกะลาพามาดู ทางเดินของของบริจาค พอเหงื่อตกกีบ ไม่ถึงหกโมงเย็นทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ รอแค่คนมาขนไปแจกตามพื้นที่ประสบภัย เพื่อนบอกว่า ทุกวันก็จะทำแบบนี้ ของเป็นภูเขานี้ พรุ่งนี้เช้าก็จะเอาไปแจกหมด เย็นก็แพ็คกันใหม่
เดินไปซื้อน้ำกินที่เซเว่น อยากกินน้ำเปล่า แต่เซเว่นไม่มีน้ำเปล่าขายอีกแล้ว ก็เลยหยิบชาเขียวมา 1 ขวด และไม่มีอิชิตัน ถ้ามีอิชิตัน เราก็จะเลือกหยิบก่อนเลย เพราะเราชอบคุณตัน คุณตันไม่เคยตัน เป็นคนดี ชอบมาก อยากสนับสนุบแก โรงงานแกแม่งก็จมน้ำ ยังบ่ยั่น ยังไปเที่ยวช่วยคนอื่นๆอีกมากมาย คนใจพระ...
อยากให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากตัวอย่างแบบนี้ทั้งหมด ใครเก่งๆในประเทศนี้ แปลงให้ไปอยู่ในบทเรียนให้หมด เอาความลำบากของชีวิต ความคิดเค้า ความสำเร็จของเค้าไปเป็นตัวอย่าง ไปเป็นบทเรียน เด็กๆจะได้มีฮีโร่ที่ชอบเป็นของตัวเอง ชอบแบบไหน ก็เลือกที่จะเอาอย่างได้ เป็นคนไทย ไม่ใช่มีแต่ตัวอย่างที่เป็นฝรั่ง มันไกลตัวเกินไป ถ้าเด็กๆ มันได้ซึมซับเรื่องพวกนี้เข้าหัว ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน ทุกปี มันโตมา จะไม่เป็นคนดี ก็ให้มันรู้ไปวะ...อ้าวออกนอกเรื่องซะอย่างงั้น...แหม่...พูดเรื่องอนาคตของ ชาติแล้วเลือดมันพุ่ง...
พอเดินกลับมาที่ตึก ปรากฎว่าเค้าเอาน้ำเปล่ามาแจก...พอดีเลยนะ เราหิวเร็วไปนิดหน่อย เพื่อนขึ้นไปทำงานต่อ เราก็นั่งอ่านหนังสือรอ ได้เจอคุณยายคนเดิม ก็เลยรู้ว่าแกมากับลูกชาย ลูกชายแกก็มานั่งด้วย ลูกชายทำงานอยู่ที่นี่ บ้านอยู่รามอินทรา เจอน้ำท่วม เลยอพยพมาที่นี่ ที่ตึกนี้เค้าเปิดให้พนักงานลี้อุทกภัยมาอยู่ได้ มี่ที่นอน ห้องอาหาร แล้วก็ห้องน้ำสำหรับอาบ ก็พอใช้ชีวิตถูไถไปได้ ดีกว่าไปศูนย์อพยพ เอ่อ...ที่รู้นี่ก็เพราะนั่งอ่านหนังสือ แล้วเงี่ยหูฟังแกคุยกับคนอื่น...แฮ่ะๆๆ...พอแกจะลุกไป เราก็พูดว่า สวัสดีค่ะ โชคดีนะคะคุณยาย ทั้งๆที่มึงก็ไม่ได้คุยอะไรกับเค้าเล้ยนุ้ยเอ๋ย...
รอๆต่อไป ก็มีคนมายกของ เค้าเอา 250 ถุง เห็นเค้ายกๆกันอยู่พักหนึ่ง ก็เข้าไปช่วย เอาของ 250 ถุง ออกมาจากภูเขา เอามากอง เล็กกระจึ๋งหนึ่งเอง โอ้โห...ภูเขานี่น่าจะมีเป็นหมื่นๆแหล่ะ แล้วก็ไปนั่งอ่านหนังสือต่อ แล้วเพื่อนก็ลงมา มันบอกว่าให้เอาขนมปังปี๊บมาแบ่งใส่ถุงเล็กๆ ขนมมีอยู่ 3 อย่างๆละปี๊บ ถามว่าซื้อมาทำไมวะแค่นี้ มันบอกว่า ก็เวลาไปแจกของในพื้นที่ จะมีเด็กๆว่ายน้ำเล่น มาขอขนม มันอยาก...เด็กๆสนุก แต่คนเห็นน้ำตาจะร่วง ก็เลยเอามายังงั้นแหล่ะ ใส่ถุงไว้โยนให้เค้า เวลาเค้ามาขอ เออว่ะ...ทำไมทุกอย่างมันดูกินใจไปหมดเลยวะ พอกินใจเรา เราก็เลยหยิบขนมเด็กมากิน 1 ชิ้น เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งเข้าไปอีก (มีพี่เค้ายื่นมาให้ เราเลยไม่อยากให้เสียน้ำใจ) ก่อนกลับ แม่บ้านในตึกคนที่ไปถ่ายรูปกับคุณไมค์ แกคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกับแก...คือชุดโรงงานที่กูใส่ก็ดูใช่ แถมหน้าก็ให้มากๆเลยด้วย...แกบอกว่า พรุ่งนี้มาอีกนะ...ก็ได้แต่ยิ้มแฉ่งเป็นคำตอบเงียบๆกลับไป (ความจริงก็อยากมาทุกวันเลย แต่ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงชีพที่ชอบนะ)
คืนนั้นกลับถึงห้องตอนสองทุ่ม ก่อนนอนคิดว่า ชีวิตนี้เกิดมา กูทำอะไรดีๆบ้างวะ มันใช่เลยนะ...ความสุขสบายไม่สอนอะไรเราหรอก เราจะเรียนรู้ได้ก็จากความยากลำบากเท่านั้นแหล่ะ...ว่าแล้วก็หลับไปด้วยความ ปวดเมื่อยเนื้อตัว...มีเวลาจะไปใหม่...ลางาน แล้วบอกหัวหน้าว่าไปธุระ...อิๆๆ...
It’s me…
จิตอาสา ที่แอบมีเลศนัย..
10 พฤศจิกายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น