วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

How old are you!


                เมื่อวานไปเซ็นทรัลบางนา เพื่อทำพาสปอร์ตหลังจากไม่ได้ก้าวขาเอาหน้าแอ๊ป (แอฟริกา) ของตัวเอง ไปแปะหมุดในต่างประเทศมานานนมกาเล...พูดอย่างกับเคยไปเยอะแยะ แฮ่ะๆ เคยไปแค่ 2-3 หน...ก็นอกจากหน้าตาที่ดูยาจกแล้ว ฐานะที่มีอยู่ก็ยังสมกับหน้าตาอีก ไอ้เล่มที่เคยมีนี่ก็ว่าง จนแทบจะเอามาเขียนทำไดอารี่ได้เลย ตอนนี้คิดได้ว่าควรเอาตีนแปๆของตัวเองไปเหยียบพื้นดินต่างประเทศกับเค้าบ้าง เผื่อได้เปิดหูตาดูอะไรดีๆ แต่กว่าจะได้ไปก็คงนาน เพราะต้องจ้องจอง Promotion เครื่องบินราคาถูกแสนถูกเท่านั้น...สมฐานะจริงๆ


                เป็นธรรมดาที่สำนักงานหนังสือเดินทางจะมีคนเยอะแยะยั๊วะเยี้ยไปหมด ต่อแถวยาวเฟื้อย แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่จะเล่า ที่จะบอกคือ พอเราสามารถผ่านด่านฝูงชนทั้งหมดไปได้ และกรอกเอกสารเรียบร้อย เราก็จะได้ไปนั่งหน้าแป้นหน้าเจ้าหน้าที่ เค้าก็กรอกข้อมูลเราลงคอมพิวเตอร์ ยุคนี้โลกออนไลน์ หน้าเราที่ทำบัตรประชนตั้งแต่ครั้งที่ 1, 2, 3 ปรากฎขึ้นมาที่หน้าจอพรึ่บๆๆ  ให้คิดถึง ใครก็รู้ว่าบัตรประชาชน จะสวยจะหล่อมาจากไหน ถ่ายรูปออกมาแล้วเสมอภาคหมด หน้าเหียกทุกคน นับอะไรกับคนหน้าตา...(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)...อย่างเรา

                เรื่องขี้เหร่ เรายอมได้ เพราะมันชินแล้ว แต่พัฒนาการที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ก็คือขนาดของใบหน้าที่มันไม่รู้จะแป้นไปไหน บานใหญ่ออกทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์ผ่านไป 52 รอบ และคูณไปเรื่อยๆ พอถึงตอนนี้มันก็บวมฉุ เห็นแล้วละเหี่ย มีเหนียงใต้คาง ตาเริ่มแหลมคม...ไม่ใช่เพราะดูฉลาดขึ้นหรืออะไร แต่เพราะหนังหน้ามันมาแย่งพื้นที่วางลูกกะตา ดึงตาให้แหลมขึ้นได้ หน้าก็อิ่มจนแน่น สิ่งที่ควรหายไป เมื่ออายุมากขึ้นก็คือสิว แต่มันก็ไม่ไป จะรักเราแนบสนิทชิดชมเชยหน้ากูไปถึงไหน ซ้ำรอยตีนกายังตามมาซ้ำเติมให้ โดยมิได้ร้องขออีกด้วย...อี้แน!  


                ถ่ายรูปทำพาสปอร์ตหนักกว่าบัตรประชาชนอีก เค้าให้เราเข้าไปนั่งในคอกเก้าอี้ “นั่งตัวตรงหลังไม่พิงพนักเก้าอี้นะคะ เอามือเสยผมขึ้นให้เห็นคิ้วด้วย ก้มหน้าลงอีกค่ะ อีกค่ะ อีกนิดค่ะ ดีค่ะ อมยิ้มได้ ค้างไว้นะคะ ดีค่ะ หนึ่ง สอง สาม เสร็จแล้วค่ะ รูปจะเป็นขาวดำนะคะ” มองรูปด้วยความหวังว่า เทคโนโลยีจะพึ่งพาได้บ้าง ฮือๆ เหนียงเต็มใต้คางเลย แล้วก็บานใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีรูปที่เป็นทางการมา เป็นความเศร้าเล็กๆที่คิดว่าคงเคยเจอกันทุกคนแหล่ะ เป็นมุมที่ไม่อยากจะมองเห็นเลยวะ

                หลังจากนั้นก็ไปจองตั๋วหนังเรื่อง Real Steel เข้ามาตั้งนานแล้ว ไม่มีเวลามาดูซักที ไหนๆก็ลางานแล้ว จัดเต็มหน่อยก็ได้วะ ระหว่างรอดูหนัง ก็เดินไปเล่นดูเสื้อผ้าลดราคา ที่ถึงลดแล้วก็ไม่คิดจะซื้ออยู่ดี เนื่องจากทุกวันนี้ ใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัทอาทิตย์ละ 5 - 6 วัน มีเสื้อผ้าเยอะไปก็เท่านั้น ขนาดมาทำพาสปอร์ตยังใส่ชุดทำงานเลย (ตอนแรกคิดว่าจะลาแค่ครึ่งวัน แต่แล้วชีวิตก็เลยเถิด ก็เดินเล่นๆฆ่าเวลาไป)


                เราไปคุ้ยของในกระบะลดราคาสุดๆ แล้วก็ได้เจอกับพนักงานขาย เค้าเข้ามาเชียร์สินค้าตามประสาพนักงานที่ดี “น้องคะ...เนี่ยค่ะ ขายดีมากเลยนะคะ กางเกงเนี้ยะ” เราเงยหน้ามาพยายามจับผิดว่าเค้ามุขรึเปล่า เรียกกูว่า น้อง เนี่ยนะ ประเมินแล้ว...ไม่น่าจะมุขนะ...คิดเข้าข้างตัวเองไป พอมีคนเรียก น้อง นิดหน่อย แหม...มันปลื้ม ที่หลอกเด็กได้ หรือเด็กมันจะปลื้มที่หลอกเราได้ก็ไม่รู้ คุยไปคุยมา เลยให้เค้าทายอายุเรา เค้าบอก “ไม่เกิน 28-29” ตัวแทบลอยขึ้นไปติดหลังคาเซ็นทรัล ตอนหลังเลยบอกกับเค้าไปว่า “เอ่อ...พี่อายุจะสามสิบห้าแล้วล่ะค่ะ” ขอบอก...น้องเค้าทำหน้าหน้าแตกได้แนบเนียนมาก ถ้าแสดงละครก็บอกได้ว่าตีบทแตกกระจุย รู้สึกว่าเค้าแสดงอารมณ์ได้ดี เลยช่วยอุดหนุนไป 190 บาท ถูกที่สุดในเสื้อผ้านับหลายพันตัวที่ลดราคาในบู๊ธนี้

                ได้ดู Real Steel หนังพะบู๊ที่ดีที่สุดในรอบเวลาที่จำได้...ไอ้ที่จำไม่ได้ก็ไม่นับ ครั้งก่อนที่ดูหนังหุ่นยนต์ก็ Transformer 3 ดูสามมิติด้วย หลับจนแทจับอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรฝัน ไม่รู้เหมือนกันว่าที่จริงหนังมันสนุกมั้ย ก่อนดู...เสือกกินติ่มซำเป็นข้าวเย็น ซื้อป๊อปคอร์นยักษ์เข้าไปกิน ใส่แว่นสำหรับดูสามมิติซ้อนแว่นตัวเองอีก 1 ชั้น เป็นเงื่อนไขที่ส่งเสริมให้เกิดการเข้าเฝ้าพระอินทร์เป็นอย่างยิ่ง


                แต่ดู Real Steel มันส์มาก ครึ่งชม.หลังปวดฉี่ ก็นั่งอดทนดู ไม่ลุกไปไหน ไอ้หุ่นอาดัม (Atom) ที่เก็บมาจากกองขยะ กับเด็กชายแม็กซ์ที่แสนจะคึกคะนอง มันเด็ดดวงใจเราไปได้ทั้งดวงเลย หนังที่ใช้เด็กเป็นตัวเอกในการดำเนินเรื่องนี่มันมักจะพิเศษเสมอ เด็กมันจะดูเท่ห์และชนะใจผู้ใหญ่อย่างเราได้ง่ายๆ และเรื่องนี้ใช้ดาราเด็กที่เท่โคตรๆ ชื่อ ดาโกต้า โกโย (ประทับใจจนต้องไปหาดูว่ามันชื่ออะไร) หนังทั้งสนุก ตลก ต่อสู้มันส์สะใจ ให้คนขี้แพ้รู้จักลุกขึ้นสู้ แล้วยังมีบทซึ้งตบท้ายด้วย ดูไปก็อินไป เต็มอิ่มและตื้นตัน นี่ถ้าได้ดูในราคา 80 บาทนะ คงจะปลื้มปิติกว่านี้อีก...ยังไม่วาย แอบงกซ้ำซ้อน ได้คืบจะเอาศอก...


                พูดถึงเรื่องอาดัม (Atom) แต่ไหนแต่ไรมา ใครก็สอนว่าไอ้คำนี้มันอ่านว่า อะ-ตอม จนกระทั่งเรียนมหาลัยแล้วมีอาจารย์ฝรั่งเป็นดอกเตอร์จากอเมริกา พูดไทยไม่ได้ มาสอนที่ภาควิชา แกสอนสาย Metal  เวลาทำข้อสอบ บางทีแกก็มาบอกใบ้เด็กด้วยความใจดี เพื่อนเราโดนแกกรุณาเข้าไป นั่งอึ้งใบ้แดก จะขำก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก เพราะไม่เข้าใจว่าอาจารย์ตั้งใจบอกอะไร อาจารย์มาชี้ข้อสอบมัน แล้วถามว่า “แวร์ อีส โยร์ อาดัม” เพื่อนเกาหัวไม่เข้าใจ แต่อาจารย์ไม่ท้อ ใบ้จนเพื่อนถึงบางอ้อ “อ๋อ! อะตอม แล้วทำไมไม่พูดให้ชัดวะแม่ง” มันมาเล่าให้ฟัง ฮากันกระจาย ดีใจที่ไม่เป็นตัวเอง เพราะก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า อเมริกัน-อิงลิช เค้าอ่านว่า อาดัม แล้วยังโทษว่าอาจารย์พูดไม่ชัดอีก...สิบกว่าปีผ่านไป มาเจออีกที ก็เลยนึกถึงอาจารย์ขึ้นมาเลย


                เมื่อวานจบกิจกรรมตัวเองด้วยการไปเดินตลาดปากน้ำ ตามหาหนวดปลาหมึกย่าง อยากกินมาก แต่จำไม่ได้ว่ามันมีขายตรงไหน เดินสาละวนหาซะรอบ เริ่มเดินวนหาตามเข็มนาฬิกา สุดท้ายอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ที่เราจะขึ้นรถกลับ นี่เป็นตำแหน่งสุดท้าย คือถ้าเดินทวนเข็มตั้งแต่แรก ก็ได้กลับบ้านไปนานมากแล้ว ตลาดไม่ใช่เล็กๆ...


                ซื้อหนวดปลาหมึก 4 ไม้ ก็จ่ายตังค์ ระหว่างรอเค้าปิ้ง ก็ไปยืนโม้กับคนขายปลาเผาที่รถเข็นข้างๆ เค้าบอกว่าตัวเล็กตัวใหญ่ ตอนนี้ราคาเท่ากันหมดคือ 60 บาท เค้าลดราคาเพราะมันมืดแล้ว เราเลือกไม่ถูกระหว่างตัวอ้วนสุดหรือตัวยาวสุด แม่ค้าขายของหวานรถเข็นข้างเคียงเดินมาบอกว่า ทีหลังก็เอาตาชั่งมาให้ลูกค้าชั่งเลย เค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลือก เราทำท่าถูกต้องนะค้าบใส่เค้าไป พร้อมกับชมเชยว่าเป็นศัตรูทางการค้าที่ดีมากค่ะ ยืนโม้ไปลืมสนใจปลาหมึกที่ซื้อไว้ อยู่ๆ ป้าที่ขายปลาหมึกอายุไม่น่าจะต่ำกว่า 45 ปีเดินมา แล้วบอกเราว่า “เจ๊ๆ...ปลาหมึกได้แล้ว”....คำว่า เจ๊ๆ...มันหลอกหลอนเข้าไปในหัว...


                พูดไม่ออก....โลกนี้มีแต่คนหลอกลวง...How old are you?

 



It’s me!
Courage is stronger than steel...ใจแกร่งย่อมแข็งกว่าเหล็กกล้า 555...
13 มกราคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น